สัปดาห์แรกของการเปิดบริษัทตัวเอง

ตั้งใจว่าจะเขียนบทความสำหรับการทำบริษัทในทุกสัปดาห์ เพื่อแชร์ข้อมูล ประสบการณ์ หรือบ่น (ฮา) ก็ตามอ่านกันได้เรื่อยๆ ครับ

สัปดาห์นี้ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผม กับการลาออกจากงาน Freelance ที่ทำมา 3-4 ปี มาสู่ชีวิตใหม่กับการเปิดบริษัทของตัวเอง (ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าทำอะไร แต่เดี๋ยวก็คงทราบกันเอง)

การก้าวจาก “พนักงานประจำ” มาสู่การเป็น “Freelance” ก็ถือว่ายากในการปรับตัวอยู่แล้ว

มารอบนี้ต้องเปลี่ยนจาก “Freelance” มาเปิดบริษัทเอง ต้องปรับตัวหนักกว่าเดิมเสียอีก

มีเพื่อนๆ เคยเตือนเอาไว้ว่า ช่วงแรกของการทำบริษัท เราจะยุ่งมาก
ซึ่งในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ผมพบว่าตัวเอง “ยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไรเลย”

สิ่งที่ต้องทำในเชิง Operation สำหรับการเปิดบริษัทใหม่

– จดทะเบียบริษัท โอ้โห อันนี้ถ้าคุณไม่มีผู้ช่วยเลย เหนื่อยหนักแน่นอน
– หาทีมงาน สัมภาษณ์คนที่สนใจ แต่ไม่หนักเท่าตอนตัดสินใจว่าจะเลือกใครเข้ามาทำงานด้วย
– จัดการเรื่องสถานที่ทำงาน
– จัดการเรื่องภาษี การจ่ายเงิน การเบิกต่างๆ
– ซื้อคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ทำงานต่างๆ
– การประชุมหารือกับหุ้นส่วน

เอาแค่เรื่องข้างบนนี้ ถ้าคุณเปิดบริษัทโดยไม่มีใครช่วยเลย วันนึงก็ไม่ต้องทำงานแล้วครับ บางอย่างเล็กน้อยจุกจิกมาก แต่ก็ไม่ทำก็ไม่ได้ ทำให้ตอนนี้เวลา 70% ของผมหมดไปกับเรื่อง Operation มากกว่าเนื้องานที่ทำ

วันนึงก็มีนั่งคิดว่า เฮ้ย เราจะทำบริษัทให้ดีได้ยังไง ถ้ามัวแต่มาทำเรื่องพวกนี้

จนในที่สุดผมก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้าของบริษัททั้งหลายอย่าง Steve Jobs  ที่จ้างผู้บริหารมาช่วยดูแลเรื่องทั่วไป หรืออย่าง Larry Pages ที่กูเกิลก็มี Eric Schmidt เพื่อให้ตัวคนตั้งบริษัทได้ไปทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า

ความสำคัญของ Middle Management เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจำเป็นมากจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีหลายคนแนะนำว่า ถ้าผ่านช่วงเดือนสองเดือนแรกไปได้ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ขั้นตอนการ Setup บริษัทก็มักจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเราวางระบบไว้ให้ดี ทุกอย่างก็จะเริ่มทำงานไปได้ด้วยตัวของมันเอง

โดยสรุปแล้ว จากประสบการณ์แค่สัปดาห์แรก ผมก็อยากจะแนะนำว่า ถ้าท่านกำลังคิดจะเปิดบริษัทของตัวเอง ลองหาใครที่ช่วยดูเรื่อง Operation งานต่างๆ ไว้อีกสักคนนึง แล้วดึงตัวเองออกมาทำในสิ่งที่ถนัด เชื่อว่าการมี Middle Management น่าจะช่วยได้ระดับนึงเลยครับ

#TheZero