ประสบการณ์ตรวจสุขภาพประจำปี แบบละเอียดยิบๆ ที่รพ.สมิติเวช

ปกติผมจะเป็นพวกไม่ค่อยรักสุขภาพตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะต้องไปตรวจสุขภาพประจำปีทุกครั้ง

คือสมัยทำงานประจำบริษัทก็มีสวัสดิการให้ไปตรวจได้ฟรี แต่พอมาทำงานอิสระ ถึงแม้ต้องออกตังค์เองก็จะไปตรวจทุกปี คืออย่างน้อยก็ขอรู้สภาพร่างกายตัวเองปีละครั้ง

โชคดีปีนี้ทางรพ.สมิติเวช เชิญไปตรวจในโปรแกรม Advance Check-up ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่ได้ตรวจร่างกายละเอียดยิบขนาดนี้

[Advertorial]

ประสบการณ์ตรวจร่างกายแบบละเอียดยิบๆ

  • ผมเลือกไปที่รพ.สมิติเวช สาขาสุขุมวิท ซึ่งก็เดินทางไม่ยาก ข้างในรพ.หรูหราไฮโซวเป็นอย่างยิ่ง
  • เดินฝ่าด่าน Starbucks และ ร้านอาหารอีกเพียบไปด้วยความหิวโหย เพราะอดอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืน (ควรงดอาหารก่อนตรวจ 8 ชั่วโมง)
  • พาคุณนายเชอรี่มาด้วย แต่เนื่องจากกำลังท้องอยู่เลยได้แค่ตรวจเลือดกับตรวจร่างกายเล็กๆ น้อยๆ
  • มาถึงศูนย์ตรวจร่างกาย พยาบาลให้สายห้อยคอ ซึ่งตัวเครื่องจะคอยส่งสัญญาณว่าตอนนี้เราตรวจถึงขั้นตอนไหนแล้ว รอนานรึเปล่า เจ้าหน้าที่จะได้คอยติดตามช่วยเหลือได้
  • สอบถามมาข้างในเป็นชิป Bluetooth + RFID และมีจุดตรวจ check point ตามห้องต่างๆ เจ๋งดี
  • กรอกประวัติสุขภาพเล็กน้อย
  • ด่านแรก ก็เข้ามาตรวจเลือดก่อนเลย กรี๊ดดดดด โดนเจาะไป 2 หลอด
  • ต่อมาก็ตามปกติคือตรวจน้ำหนัก ส่วนสูง วัดความดัน วัดสายตา
  • จากนั้นก็มีกล่องให้มาใส่ปัสสาวะ อุจจาระ ก็เข้าห้องน้ำไปจัดการให้เรียบร้อย

  • แต่หลังจากจุดนี้คือส่วนที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน คือเริ่มจากตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เจ้าหน้าที่ก็จะมีตัวหนีบตามจุดที่แขนและขา พร้อมส่งไปที่หน้าจอ
  • เข้าใจว่าดูการเต้นของหัวใจตามจุดต่างๆ วันสัมพันธ์กันดีไหม
  • ระหว่างการตรวจช่วงต่างๆ พยาบาลจะพยายามอธิบายว่าเราตรวจจุดนี้ไปเพื่ออะไร สามารถบ่งถึงโรคอะไรได้บ้าง ละเอียดดี
  • พยาบาลให้มาเปลี่ยนชุด ก็มีห้องและล็อกเกอร์เก็บของให้เป็นอย่างดี เสื้อกางเกงจะมีพลาสติกห่อด้วย สะอาดใหม่แน่นอน
  • ขั้นต่อมาเป็นจุดโหดสุด คือการตรวจการทำงานของหัวใจขณะ ออกกำลังกายด้วยวิธีเดินสายพาน
  • เริ่มจากการนำสายมาตรวจค่าต่างๆ ในร่างกาย พันมารอบตัวเบย
  • แน่นอนว่าชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าต้อง “เดิน+วิ่ง” บนสายพาน ซึ่งการวิ่งออกกำลังกายนี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ที่โหดคือจะมีสายติดตามตัวเราไปทั่วตัว เรียกว่าเป็นมนุษย์ไฟฟ้าไปเลย
  • คุณหมอที่มาช่วยดูแล เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจโดยเฉพาะด้วย
  • หน้าคุณหมอคุ้นมาก ดูไปดูมา ไปเห็นนามสกุล อ้าว !! นี่คือน้องชายบีม D2B นี่นา !!
  • แอบขอถ่ายรูปหมอเซเล็บ เป็นที่ระทึก 555
  • ช่วงแรกเป็นการเดิน 5 นาที ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ช่วงหลังคือวิ่งครับ วิ่งจริงๆ วิ่งเร็วด้วย เกือบ 10 นาที วิ่งช่วงท้องว่างเล่นเอาหน้ามืดเหมือนกัน
  • คุณหมอก็พยายามคุยเล่นไปด้วย อธิบายไปด้วย แหม่ ดูสนุกจริงจัง 
  • หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนชุดอีกรอบ เพื่อ X-Ray ปอด อันนี้ก็ปกติทั่วไป
  • แต่เจอด่านที่ไม่เคยตรวจอีกแล้ว นั่นคือการ Ultrasound
  • ปกติผู้ชายอย่างเรา ก็จะไป Ultrasound ทำไมกันหนอ ผมก็สงสัย แต่คุณหมอก็เข้ามาตรวจ เอาเจลทาที่พุง แล้วก็ส่องลงไป ดูละเอียดมากจนผมสงสัย
  • ฝ่าทุกด่านมาได้ครบ ก็ได้บัตรทานอาหารที่ Aubonpain คนละ 100 บาท ก็ซัดโฮกไม่ให้เหลือ (แซนด์วิสอร่อยดีนะ)
  • ทานเสร็จ พยาบาลเรียกไปพบคุณหมอ เพื่อทราบผลตรวจที่ผ่านมาทั้งหมด เฮ้ย !! ผลตรวจเสร็จหมดเล้ว ทั้งเลือด, ปัจสาวะ, อุจจาระ, X-Ray, Ultrasound คือมาครบหมดเลย

  • ได้เจอกับคุณหมอ @Dr_carebear เคยเห็นใน Twitter มานาน แต่เพิ่งเคยเจอตัวจริง รพ.นี้หมอเซเล็บเยอะจริงๆ 5555
  • ผลตรวจคุณหมอก็ไล่ไปตามแต่ละจุดที่เราผ่านมา โดยเฉพาะผลเลือด ที่ผมมีคอเลสเตอรอลสูง คือเห็นผอมๆ อย่างนี้ แต่ก็มีไขมันสูงได้นะ ซึ่งก็อันตรายเหมือนกัน
  • ผลตรวจหลายอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งถึงผลตรวจ Ultrasound ซึ่งคุณหมอก็ดูผลอยู่นาน แล้วบอกผมว่าเจอก้อนบางอย่างในไต O_o”
  • นั่งพูดคุยกันก็ได้ความว่า เกิดจากการที่ผมทานน้ำน้อยและมีก้อนเกลือที่อยู่ในไตได้ ซึ่งถ้ามันโตขึ้นก็อันตราย อาจจะต้องผ่าออก แต่หมอแนะนำดื่มน้ำเยอะๆๆๆๆ ก็ช่วยให้หายได้ และควร Ultrasound ทุกปี
  • คิดไปถ้าผมไม่มาตรวจ Ultrasound ก็ไม่มีทางเห็นก้อนเนื้อนี้ได้เลย ก็ดีนะที่ตรวจเจอก่อน จะได้รู้วิธีรักษาตัวเอง ก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านี้
ราคาค่าตรวจสุขภาพรพ.สมิติเวช

:: สรุป ::

เป็นครั้งแรกที่ได้รับการตรวจร่างกายแบบละเอียดยิบๆๆๆๆ ขนาดนี้ ซึ่งโปรแกรม Advance Check-up ของที่รพ.สมิติเวช ก็ต้องยอมรับว่าของเขาดี เครื่องมือใหม่เอี่ยม เจ้าหน้าที่ใส่ใจในตัวเราตลอดเวลา(มาก) คุณหมอเชี่ยวชาญระดับเซเล็บ
สำหรับราคาค่าตรวจระดับ 13,500 บาทนั้นก็ถือว่าสูงพอสมควร แต่แพ็คตรวจแบบปกติ 6,500 บาทก็ถือว่าโอเคดี ถ้าเทียบกับรพ.ระดับ 5 ดาวก็ถือว่าเป็นราคาปกติ สำหรับถ้าบริษัทไหนมีโปรแกรมตรวจร่างกายอยู่แล้ว เพิ่มอีกนิดหน่อยได้การตรวจระดับนี้ถือว่าดีมากเลย หรือรอช่วงพิเศษก็มีโปรลดราคาพอสมควร
สรุปแล้วเราควรตรวจร่างกายทุกปีครับ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ควรตรวจให้ละเอียด โรคภัยบางอย่างถ้าเรารู้ตั้งแต่แรกก็ช่วยรักษาได้ไม่ยาก เทียบกับเงินที่จ่ายเพิ่มแล้ว ไม่มากเลยเมื่อเทียบกับการมาแก้ไขร่างกายในภายหลังนะจ๊ะ~*