“ลองใช้ดู แล้วจะรู้ว่ามันน่ากราบบบบ” เป็นคำร่ำลือที่ได้ยินมานานแล้ว กับเจ้าหุ่น iRobot ซึ่งไอ้เราก็ไม่ได้สนใจอะไร เคยเดินผ่านไปมาตามห้างบ้าง แต่ก็บอกตามตรงรู้สึกว่าเราเองก็กวาดเช็ดถูห้องที่บ้านบ้างอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไร
แต่จากเสียงล่ำลือจากคนรอบตัวหลายคนว่ามันโคตรเทพ เหมาะกับคนขี้เกียจเช่นพวกเราเยี่ยงนัก โชคดีที่ทาง iRobot ได้ส่งเจ้าหุ่นยนต์รุ่น Roomba 870 ตัวท็อปมาให้ทดลองใช้ดู
บอกได้เลยว่า นี่เป็นอุปกรณ์ไม่กี่ตัวที่ผมได้รีวิวแล้ว ขอสั่งซื้อมาใช้เองที่บ้านทันที
[Advertorial]
ครั้งแรกกับหุ่น iRobot
- คุณกวาดบ้านทุกวันรึเปล่า ? คุณดูดฝุ่นที่พื้นบ่อยแค่ไหน ?
- ส่วนตัวผมก็ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ทำความสะอาดห้องบ่อยมากนัก ยิ่งพวกตามใต้โต๊ะ ขอบเตียง พรมเช็ดเท้า ไม่ต้องพูดถึง
- เนื่องจากส่วนตัวเคยปรามาสเจ้า iRobot ไว้เยอะ คือไม่เชื่อว่ามันจะดี หรือทำไมเราไม่ใช้คนทำแทน
- เพราะงั้นตอนได้เครื่องมา เพื่อเป็นการทดสอบ ผมไม่อ่านอะไรเลย ลองเอามันมาวิ่งในบ้าน กดปุ่มเดียว แล้วก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก 20 นาที
- กลับมา ก็เห็นเจ้า iRobot มันนอนนิ่งๆ อยู่ ก็เลยลองอ่านวิธีแกะทำความสะอาดจากคู่มือซะหน่อย
- พอเปิดฝาออกมาเท่านั้นแหล่ะ แทบกรี๊ดดดด ฝุ่นเต็มเครื่องจนทะลักออกมาข้างนอก โผล่ไปดูในซอก โอ้โห เห็นภาพแล้วแทบจะเป็นลม
- ตั้งแต่นั้นมา ก็แทบจะก้มกราบเจ้าหุ่นนี่ อยากที่หลายคนเคยบอกไว้จริงๆ
แกะกล่อง iRobot Roomba 870
เนื่องจากหุ่น iRobot มีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน โดยรุ่น Roomba 870 ถือเป็นตัวท็อปๆ ของรุ่นทำความสะอาดพื้นพร้อมดูดฝุ่น จุดเด่นคือรุ่นนี้มันมีพลังดูดอย่างรุนแรง ฝุ่นแทบจะวิ่งเข้ามานอนในเครื่องเลย
ตัวกล่องมีขนาดใหญ่พอๆ กับเครื่องเลย ลองมาแกะกล่องกันดีกว่า
เปิดมาข้างในก็ประกอบไปด้วย
- แท่นผนังจำลอง (Virtual Wall) 2 อัน พร้อมถ่าน
- ฟิลเตอร์กรองอากาศเพิ่มมาอีก 1 อัน
- คู่มือ (ไม่มีภาษาไทย)
หุ่น iRobot มีน้ำหนักประมาณ 3.8 กิโลกรัม ก็คือยกไปมาในบ้านได้สบายๆ
อ่านในคู่มือมีเขียนบอกก่อนเลยว่าหุ่น iRobot ไม่ใช่ของเล่น กรุณาอย่านำเด็กมานั่งบนเครื่อง #ฮาาา
เริ่มใช้งาน กดปุ่มตรงกลางทีเดียว เจ้าหุ่นก็เดินไปทั่วบ้านทันที
เสียงของเครื่องรุ่นนี้ใช้ระบบแปลงหมุน AeroForce บวกกับหัวดูดความแรงมากกว่า 5 เท่าของเครื่องรุ่นปกติ
ข้อดีคือดูดโคตรโหด ฝุ่นนี่ติดหนึบขึ้นมาเลย แต่เสียงของเครื่องเวลาทำงานก็ดังตามไปด้วย
วิธีวิ่งสามารถเลือกได้หลายแบบ แต่ในแนวทางวิ่งปกติ ตัวเครื่องจะจำเส้นทางไว้ได้ด้วย ทำให้หุ่นจะพยายามวิ่งให้ทั่ว ไม่ค่อยซ้ำจุดเดิม
ตัวเครื่องมีขนาดสูงประมาณ 9 เซนติเมตร เตี้ยพอที่จะมุดใต้โซฟาได้
ตัวล้อของเครื่องมีระบบเด้งดึ๋ง คือขึ้นลงจากพื้นและพรมได้ไม่มีปัญหา เวลาเครื่องผ่านสายไฟที่วางบนพื้น ก็เดินข้ามผ่านมาได้ (สายไฟไม่ถูกดูดขึ้นมาด้วย)
จุดไหนที่มีฝุ่น, ทราย หรือคราบสกปรกเยอะ มันจะวิ่งไปหน้าไปหลัง ดูดให้สะอาดให้หมดก่อน แล้วค่อยไปที่อื่น อันนี้ถือว่าฉลาดมากๆ
ใต้โต๊ะกินข้าว ที่มีเก้าอี้เยอะๆ ก็ยังเดินซิกแซกเข้ามาได้ แต่บางทีก็มีงงๆ หาทางออกไม่เจอบ้างเหมือนกัน 5555
เวลาวิ่งตามขอบโต๊ะ ขอบเตียง เจ้า iRobot จะพยายามเน้นมากเป็นพิเศษ เหมือนรู้ว่าเป็นขอบหัวมุม ที่มักจะทำความสะอาดยาก
แต่เนื่องจากเป็นเครื่องกวาดและดูดฝุ่น ทำให้เรายังคงต้องถูพื้นตาม หลังจากที่เครื่องวิ่งเสร็จ
อุปกรณ์ผนังจำลอง ก็เอาไว้วางตามทางเดิน เพื่อบอกว่าจุดนี้ไม่ต้องเข้ามาทำความสะอาดนะ เช่นวางไว้หน้าประตูห้องน้ำ พอเจ้า iRobot เดินมาแถวนั้น ก็จะหันหนีกลับไปเอง
เวลาที่ทำความสะอาดครบถ้วน เจ้าหุ่น iRobot ก็กลับเข้าบ้าน ไปเติมพลังชาร์จแบตเอง ไม่ต้องคอยจับมาเสียบสายอะไรเลย น่ารักมากๆ
จากที่ลอง จุดชาร์จควรจะวางในที่มีพื้นที่เผื่อทางวิ่งของเครื่องเล็กน้อย เดี๋ยวมันจะกลับบ้านไม่ถูก
จุดนึงที่ผมขี้เกียจไปทำความสะอาดมากเป็นพิเศษ คือใต้เตียง เนื่องจากมีรางไม้คั่นอยู่ และเอาออกทีต้องยกทั้งแผง รอบนี้เลยโยนเจ้า iRobot ผ่านเข้าทางรูไม้ ไปวิ่งทำความสะอาดแทน โอ้โห สะดวกมาก ฝุ่นเพียบเลยอีกตะหาก
ผมให้ดูดรอบบ้านอยู่ไม่กี่รอบ เครื่องก็ร้องอะไรซักอย่างขึ้นมา ไปเปิดดู มันบอกว่าขยะเต็มแล้ว ให้แกะเครื่องเอาขยะในตัวมันไปทิ้งด้วย
วิธีแกะทำความสะอาดก็ไม่ยาก มีอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น ดึงออกมา ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ด ผึ่งจนแห้ง เสร็จก็เอาเข้ามาใส่ในเครื่องใหม่ แค่นั้น
เปิดออกมา แทบเป็นลม … เฮ้ย นี่มันฝุ่นในห้องเราจริงเหรอเนี่ย >o<~
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่นๆ
- สามารถตั้งเวลาได้ว่าในแต่ละวันจะทำความสะอาดช่วงเวลาเท่าไหร่ของแต่ละวัน เช่นวันธรรมดาทำช่วงบ่าย วันหยุดให้ทำช่วงเช้า
- เลือกให้วิ่งวนเป็นวงกลม แล้วขยายวงขึ้นเรื่อยๆ ได้ (Spot)
- มีรีโมทบังคับการใช้งานได้ด้วย แต่ต้องซื้อเพิ่ม
- มีระบบป้องกันการตกบันไดด้วย เวลาเจอทางต่างระดับ ก็จะหยุดแล้วเดินกลับไปเอง
- ราคาของ iRobot รุ่น Roomba 870 อยู่ที่ 29,900 บาท ซึ่งก็สูงพอสมควร
- ส่วนรุ่น Roomba อื่นๆ สำหรับการดูดฝุ่นและกวาดบ้าน ราคาจะเริ่มตั้งแต่ 17,500 บาท ไปจนถึง 33,900 บาท
:: สรุป ::
ข้อดี
- กวาดบ้านและดูดฝุ่นได้สะอาดมาก แรงดูดสูงขนาดฝุ่นในพรมก็ออกมาได้
- มีความฉลาดหลายอย่าง กลับฐานเองได้, ตั้งเวลาได้, เข้าซอกมุมแล้วหาทางออกได้, ไม่ตกบันได
- ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน ไม่ง๊องแง๊ง ดีไซน์สวยเข้ากับบ้านได้ดี
- ทำความสะอาดง่าย กดปุ่มแล้วดึงฝาออกมาก็ได้เลย
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้างบไม่พอ ก็มีรุ่นเล็กให้เลือกได้
- เสียงดังพอสมควร แลกกับแรงดูดที่มากกว่ารุ่นอื่นๆ
- ไม่มีเมนูและคู่มือภาษาไทย
ประสบการณ์ใช้ iRobot ครั้งแรก ต้องบอกว่าโคตรชอบเลยแหล่ะ มันเหมาะกับคนขี้เกียจทำความสะอาดอย่างเรามาก ซึ่งโดยมาตรฐานแล้วเครื่องจะวิ่งทุกวัน รู้สึกได้เลยว่าพื้นห้องสะอาดขึ้นมาก และก็ไม่ต้องคอยมากวาดเองทุกวัน
ข้อเสียคือเสียงรุ่นนี้ค่อนข้างดัง และราคาก็ต้องยอมรับว่าสูงพอสมควร แต่รุ่นเล็กก็ทำอะไรได้ใกล้เคียงรุ่นใหญ่ ราคามีตั้งแต่ 17,900 – 33,900 บาท ก็เลือกได้ตามกำลังทรัพย์
โดยสรุปแล้ว iRobot เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ประสิทธิภาพดีโคตรๆ ฟีเจอร์ฉลาด คนทำคิดมาเยอะ ราคาสูงซักหน่อย แต่ส่วนตัวก็กดสั่งซื้อมาใช้เองเรียบร้อย แนะนำให้ทดลองใช้ดูนะ แล้วจะติดใจ