จากหลายกระแสและภาพที่เห็นได้ชัดเจนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ คือกระแสการซื้อ iPhone กลับมาคึกคักกว่าปีก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด
รวมถึงจากแหล่งข่าวใกล้ตัวหลายท่าน ก็ยืนยันเช่นนั้น
ซึ่งนานแล้วเหมือนกันนะ ที่ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ ถ้าจำได้ต้องย้อนกลับไปสมัย iPhone 6 เลยมั้งที่มีการต่อคิวซื้อกันคึกคัก และขายดีขนาดนี้
คำถามในใจผมข้อหนึ่งคือ ทำไมถึงขายดี ?
.
แม้จะเป็นสาวกแอปเปิลแบบชัดเจน แต่เอาตามตรงแล้ว ผมคิดว่า
iPhone 11 = iPhone XRs
iPhone 11 Pro = iPhone XSs
แน่นอนว่าการมีกล้องเพิ่ม, มีชิปใหม่, จอชัดขึ้น, แบตอึดขึ้น ฯลฯ
แต่ถ้าดูกันจริงๆ แอปเปิลแทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรในตัวไอโฟนมา 2-3 ปีแล้ว ดีไซน์ยังคงเดิม ระบบสแกนหน้ายังคงเดิม พอร์ตหรืออะไรข้างใน ชิปก็ไม่ต่างจากเดิมมาก
เราก็ไม่ได้คิดว่า คนจะสนใจไอโฟนรุ่นใหม่กันมากอย่างที่เห็น
.
แต่พอลองมองรอบด้าน และค้นหาข้อมูลลงไปอีกหน่อย ผมพบว่ามีปัจจัยอยู่ 3 ข้อที่เห็นชัดๆ ถึงกระแสไอโฟนปีนี้
1. คนใช้ iPhone รุ่นเก่า พร้อมจะเปลี่ยนรุ่นใหม่แล้ว (เสียที)
คุณคิดว่าตอนนี้ไอโฟนรุ่นไหนที่คนใช้มากที่สุด ?
หลายคนอาจจะบอกว่า ก็ต้อง iPhone XR, XS ที่ขายปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ
คำตอบคือไม่ใช่ครับ
ไอโฟนที่คนใช้มากที่สุดในตอนนี้ คือ iPhone 7 ที่เปิดขายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
อันดับ 2 คือ iPhone 6s ที่เปิดขายไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
คนที่ใช้ไอโฟนมา 3-4 ปี ก็เริ่มอยากเปลี่ยนแน่นอน รวมถึงการได้อัปมาใช้ระบบสแกนหน้า แถมได้กล้อง 2 ตัว ก็ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นมาก
และที่สำคัญที่สุด Killer Feature ของไอโฟนปีนี้นั้นก็คือ ….
.
2. ราคาที่ถูกลง !!
ถ้าจำกันได้ ตั้งแต่ iPhone 7 เป็นต้นมา หลังจากนั้นแอปเปิลเพิ่มราคาไอโฟนให้แพงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะราคาในไทย
iPhone 8 ราคาสามหมื่น
iPhone X ราคาสี่หมื่น
iPhone XS Max ราคาห้าหมื่น
แต่พอมาปีนี้ iPhone 11 กลับมาทำราคาที่ดีมากๆ คือ 24,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่า iPhone XR เมื่อปีที่แล้วถึง 5,000 บาทเต็มๆ
.
แถมยังมีการยั่วใจที่การเพิ่มความจุ
iPhone 11 รุ่น 64GB ราคา 24,900 บาท
iPhone 11 รุ่น 128GB ราคา 26,900 บาท
เพิ่มแค่ 2,000 บาท ได้ความจุเบิ้ลอีกเท่านึง
.
ถ้าจำกันได้ ปกติการอัปความจุของไอโฟน เราต้องเตรียมเงินไว้ 3,000-5,000 บาทเลยนะ
ถ่ายรูปได้หมื่นใบ ตอนนี้ได้สองหมื่นใบเลยนะในราคาเพิ่มแค่สองพัน
การลดราคา ก็เป็นสิ่งที่สาวกแอปเปิลรอคอยกันมานาน ยิ่งปีนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยจะดี ถ้าได้ของดีในราคาถูกลงห้าพัน ก็น่าสนใจไม่น้อย
3. กระแสของคู่แข่งไม่แรง, การมี Apple Store และ ชื่อของรุ่น
จากดราม่าปัญหาของ Huawei ที่ดูจะไม่จบง่ายๆ บวกกับฝั่ง Samsung ที่จริงๆ ก็ทำ S10 กับ Note 10 ได้ดีมากนะ กระแสก็โอเค แต่ขายดีถล่มเลยไหม ก็อาจจะไม่ขนาดนั้น
การที่แอปเปิลเปิดร้าน Apple Store ในไทย ก็จุดกระแสตื่นตัวกับสินค้าแอปเปิลได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทราบมาว่าพาร์ทเนอร์หลายรายของแอปเปิลขายดีขึ้นด้วยซ้ำ แทนที่ตอนแรกนึกว่าจะมาแย่งลูกค้ากันตรงๆ
.
สุดท้ายคือการตั้งชื่อ
2 ปีที่ผ่านมา แอปเปิลพยายามขายรุ่นแพง ด้วยการสร้างชื่อที่แตกต่างกับรุ่นเริ่มต้นอย่างสิ้นเชิง
2017 : iPhone 8, iPhone X
2018 : iPhone XR, iPhone XS, iPhone XS Max
คนเราอยากซื้อไอโฟนรุ่นใหม่ ก็อยากได้ชื่อใหม่ และอยากได้รุ่นที่ดูท็อปสุด เพราะต้องไม่ลืมว่า บางครั้งการซื้อไอโฟน มีเรื่องของความรู้สึก มากกว่าเรื่องสเป็คเครื่อง
.
2019 : iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max
ผมว่าปีนี้ แอปเปิลก็ฉลาดมากที่เลือกใช้ชื่อ 11 กับไอโฟนรุ่นเริ่มต้น คนใช้ก็รู้สึกว่าใหม่ และดีไม่แพ้รุ่น Pro
เฮ้ย ฉันซื้อ iPhone 11 นะ
.
อันนี้บางคนอาจจะบอกว่าไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แต่สำหรับหลายคนรอบตัวที่ผมเห็น มันเกี่ยวมากเลยครับ เรื่องชื่อเนี่ย
ยังจำได้ว่าปีที่มี iPhone 8 กับ iPhone X ออกมาพร้อมกัน ทุกคนมุ่งไป X หมด เพราะก็อยากใช้รุ่นที่ชื่อมันใหม่สุด
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมควักเงินสี่หมื่นมาซื้อมือถือใหม่
ปีนี้ได้ใช้ iPhone 11 ในราคา 24,900 บาท แถมหลายค่ายมีโปรลดกันสุดๆ เหลือหมื่นนิดๆ ก็มี
ส่วนบน Apple Online Store ตอนนี้ก็มีให้สั่งง่ายขึ้น รับของง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องต่อคิวนาน ก็ทำให้เป็นอีกปัจจัยที่คนซื้อมากขึ้น -> apple.sjv.io/DJ775
.
เชื่อว่าปีหน้า 2020 ตามข่าวที่แอปเปิลจะมีการปรับปรุง iPhone ครั้งใหญ่ (ชื่อชั่วคราว iPhone 12) รวมถึงการมาของ Apple Store สาขา Central World ก็น่าจะทำให้บรรยากาศคึกคักกว่าปีนี้ ก็เป็นได้
อ่านรีวิว iPhone 11 ได้ที่ MacThai -> https://www.macthai.com/2019/09/28/iphone-11-11-pro-review/