Huawei Mate 9 ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ ไม่แพ้ iPhone 7 หรือ Galaxy S7 เลยทีเดียว จากการที่แบรนด์ยกระดับตัวเองขึ้นมาสู้ในกลุ่มพรีเมียมได้อย่างสนุก พร้อมจับมือกับ Leica กล้องระดับโลก หลายคนก็จับตาดูว่าปีนี้ Huawei จะมีทีเด็ดอะไรออกมาบ้าง
ส่วนตัวผมเองก็มีโอกาสได้ทดสอบสมาร์ทโฟนของ Huawei มาหลายรุ่น มาในปีนี้ก็ไม่พลาดที่จะขอทดสอบ Mate 9 มาให้ได้ชมกัน
Note: ถ้าใครอยากดูเรื่องเทียบกับ iPhone 7 Plus เลื่อนไปช่วงท้ายได้เลย
แกะกล่อง Huawei Mate 9 หรูหราขึ้นมากทีเดียว
สำหรับกล่องของ Mate 9 ก็ทำออกมาได้ดูดีทีเดียว แค่จับก็รู้สึกว่าหรูแล้ว แถมพิมพ์ด้วยหมึก SOY Ink ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แกะกล่องออกมาก็พบกับตัวเครื่อง โดยรุ่นที่ได้มารีวิวนี้เป็นสีทอง Champaign Gold แต่ก็ยังมีอีกสีให้เลือกคือสีน้ำตาล Mocha Brown
ด้านหลังตัวเครื่องโค้งเข้ากับมือ วัสดุจับแล้วลื่นมือเล็กน้อย มีเครือบเป็นเงา เว้นแถบด้านบนด้านล่างสำหรับเสาสัญญาณ
แน่นอนส่วนที่เด่นที่สุดคือกล้องถ่ายภาพ ที่เป็นเลนซ์คู่ ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมไปแล้ว
โดยกล้องคู่ของ Huawei Mate 9 นี้จะเป็นแบบกล้องบนกับล่าง แปะโลโก้ของ Leica แบรนด์กล้องถ่ายภาพระดับโลกไว้ด้วย เป็นการร่วมมือของทั้ง 2 แบรนด์ที่น่าสนใจดี
ด้านบนของเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง พร้อมถาดใส่ซิม ซึ่งรุ่นนี้รองรับ 2 ซิมพร้อมกันด้วยนะ ใครที่อยากสลับเบอร์ไปมาก็สามารถทำได้เลย
ด้านล่าง ช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C ซึ่งหัวชาร์จสามารถเสียบสลับด้านไปมาได้ และลำโพง
ส่วนของการสแกนลายนิ้วมือจะอยู่ด้านหลังของเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เราก็จะใช้นิ้วชี้ในการสแกนมากกว่า
อุปกรณ์ที่แถมมาให้ก็ตามระเบียบคือมีหูฟัง สายชาร์จ ซึ่งหัวชาร์จจะมีระบุไว้เลยว่าเป็น Super Charge ซึ่งจากที่ Huawei แจ้งไว้คือชาร์จแค่ 20 นาทีก็มากพอจะใช้ได้ทั้งวัน ทดสอบดูแล้วแบตจากศูนย์ขึ้นมาประมาณ 50-60% แต่ก็ใช้งานได้ทั้งวันจริง แบตค่อนข้างอึดดี
มาดูที่ขนาดหน้าจอ ซึ่งจากข่าวตอนแรกได้ยินว่าจอใหญ่ขนาด 5.9 นิ้ว ซึ่งก็ใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง iPhone 7 Plus ที่ขนาด 5.5 นิ้วค่อนข้างมาก เลยเดาว่าขนาดจริงคงใหญ่พอสมควร
แต่พอได้ไปที่งานเปิดตัว ทาง Huawei แจ้งว่าขนาดเครื่องนั้นเท่ากับ iPhone 7 Plus เลย แต่ได้หน้าจอที่ใหญ่กว่า เพราะทำจอชิดขอบมากกว่า ซึ่งพอเอามาวางเทียบกันแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง
เพราะฉะนั้นก็น่าจะเรียกได้ว่า Mate 9 เป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ 5.9 นิ้วที่ขนาดเครื่องไม่ได้ใหญ่มากมายอะไร สามารถถือได้สบายๆ
ทดสอบกล้องและประสิทธิภาพของเครื่อง
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น มาทดลองใช้งานกันเลยทีเดียว สำหรับตัวเครื่อง Mate 9 นี้ก็มาพร้อมสเปคเครื่องที่จัดเต็มตามนี้
- Android เวอร์ชัน 7.0
- CPU 2.4 GHz (64-bit) Octa-core ของ HiSilicon Kirin 960
- GPU 1.8 GHz Mali-G71
- แรม 4GB
- หน่วยความจำในเครื่อง 64GB
- ตัวเครื่องแถม microSD Card ให้อีก 64GB (รวมพื้นที่ 128 GB)
- ระบบแสดงผล EMUI 5.0
- แบต 4,000 mAh ใช้ได้เกือบ 2 วัน
ภาพตัวอย่างจากกล้อง Huawei Mate 9 ตามสถานที่ต่างๆ จะเห็นว่าภาพออกในแนวคม และสีสันค่อนข้างสดดีทีเดียว
Huawei Mate 9 vs iPhone 7 Plus
สิ่งหนึ่งที่หลายคนอยากทราบว่าแล้วถ้าเทียบกันระหว่าง iPhone 7 Plus กับ Mate 9 ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งต้องออกตัวก่อนว่าการเปรียบเทียบในแบบสเปคหรือฟีเจอร์หลายอย่างทำได้ยาก เพราะระบบไม่เหมือนกัน การใช้งานหลายอย่างก็ต่างกัน
เพราะงั้นสิ่งที่น่าจะเทียบได้ง่ายสุดคือเรื่องของกล้อง ก็ดูผลของภาพเอาได้เลยว่าเป็นอย่างไร
Note: บทความนี้เป็น Advertorial แต่เนื้อหาทั้งหมดผมแจ้งทางแบรนด์ว่าในส่วนเปรียบเทียบ ผมจะเขียนในความเห็นส่วนตัวจริง และห้ามทางแบรนด์มาแก้ไขใดๆ ในส่วนนี้
ภาพถ่ายแบบ “หน้าชัดหลังเบลอ” ในช่วงกลางวัน แสงในอาคาร ซึ่งภาพอาจจะดูมุมไม่เท่ากันมากนัก เพราะกล้อง iPhone 7 Plus เวลาถ่ายโหมดนี้จะซูมเข้ามามากกว่าปกติหน่อย
ถ้าเทียบแล้ว สีของ iPhone 7 Plus ดูสว่างกว่า แต่ก็อมสีเนื้อมากไปนิด ส่วนของ Mate 9 ทำเบลอด้านหลังได้ดีกว่า แต่แสงน้อยไปนิด
ภาพถ่ายกลางคืนในโหมดปกติ กล้องของ Mate 9 จะได้มุมที่กว้างกว่า แต่สีของ iPhone 7 Plus จะสว่างกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วคุณภาพไม่แพ้กันมากนัก
เมื่อทดสอบถ่ายโหมด “หน้าชัดหลังเบลอ” ในช่วงกลางคืน จะเห็นว่า Mate 9 ได้ภาพที่คมชัดกว่า ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ iPhone 7 Plus ที่ถ่ายโหมดนี้ในกลางคืนได้ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ดี การปรับหลังเบลอของ Mate 9 เมื่อดูในรายละเอียดก็ทำได้ไม่เนียนในพื้นที่แสงน้อยเช่นกัน เรียกว่าถ้ากลางคืน ยังไม่มีกล้องไหนในตลาดถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ดีเลยนั่นเอง
ภาพแสงที่มีหลายสีสันช่วงกลางคืน ความต่างของทั้งสองภาพมีไม่มากนัก แต่สีของ Mate 9 ที่หน้าของหุ่นจะอมเขียวจากแสงสะท้อน ส่วนของ 7 Plus จะอมเหลืองจากแสงสะท้อน ซึ่งถ้าดูด้วยตาเปล่า จะออกไปทางผมเหลืองมากกว่าฮะ
เปรียบเทียบกล้องหน้าในช่วงกลางคืน อันนี้ก็ค่อนข้างชัดว่า Mate 9 ได้ภาพสว่างกว่า แสงดีกว่า iPhone 7 Plus แต่เมื่อดูในเนื้อหาแล้ว Mate 9 จะมีการปรับโหมดของภาพและแต่งเนียนเข้าไปเพิ่ม หน้าก็เลยเนียนกว่าปกติ
ซึ่งถ้าผมลองปรับภาพของ iPhone 7 Plus ในโปรแกรม ก็จะได้ภาพที่สว่างไม่แพ้กัน เพราะงั้นก็จะขึ้นกับความชอบว่าใครชอบแนวไหน
…………………………………………………………………..
ความเห็นสำหรับคนที่ใช้ iPhone 7 Plus มาตั้งแต่เปิดขาย แล้วมาจับเทียบกับกล้องของ Huawei Mate 9 ผมว่าทั้ง 2 รุ่น มีข้อดีข้อเสียต่างกัน
การถ่ายภาพทั่วในช่วงกลางวัน แทบไม่มีความต่าง ทั้งคู่ภาพสวยคม เยี่ยมเหมือนกัน ส่วนกลางคืนก็ต่างกันเล็กน้อยเรื่องการปรับสี ซึ่งตามความเห็นผมว่า 7 Plus จะสีธรรมชาติกว่า
ในโหมด “หน้าชัดหลังเบลอ” ช่วงกลางวัน 7 Plus ทำได้เนียนกว่า แต่ถ้ากลางคืน Mate 9 ทำได้ดีกว่า แต่โดยรวมทั้งคู่ก็ยังต้องปรับปรุงอีกพอสมควร ไม่ถึงกับใช้ได้ผล 100%
โดยสรุปก็แล้วแต่ความชอบครับ iPhone 7 Plus เน้นความง่าย ไม่ต้องทำอะไรเยอะก็ได้ภาพที่ดี ส่วน Huawei Mate 9 มีลูกเล่นเยอะ ปรับโหมดโปรได้ ถ่ายกลางคืนได้ดีกว่า และถ่ายก่อนโฟกัสทีหลังได้ แต่ก็มีเรื่องการจัดแสงที่ยังไม่สู้ 7 Plus
:: สรุป ::
ข้อดี
- กล้องคู่ได้ภาพออกมาสวยงาม หน้าชัดหลังเบลอ ระบบกันสั่น และรองรับวิดีโอ 4K
- ถ่ายก่อน โฟกัสทีหลังได้ ทำให้ถ่ายภาพได้สนุกขึ้น
- แบตอึด สเปคแรง ราคาน่าคบหา
- จอใหญ่ 5.9 นิ้ว แต่ขนาดเครื่องไม่ได้ใหญ่ตาม ถือเข้ามือดี
ข้อเสีย
- กล้องหน้าสีสันยังไม่สู้กล้องหลังเท่าไหร่
- วัสดุด้านหลังจับแล้วลื่นเล็กน้อย สัมผัสยังไม่พรีเมียมมากนัก
- ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอช่วงกลางคืนภาพจะแตก เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ