11 เดือนเต็ม คือระยะเวลาที่เราไม่ได้เห็นหนังของ GTH บนโรงภาพยนตร์ ก็อาจจะเพราะวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงร่างจนกลายมาเป็น GDH ในที่สุด (แต่ภายในยังทีมเดิมเกือบทั้งหมด)
แต่ถึงอย่างนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็น “หนังรัก” ของ GDH ด้วยแล้ว ก็ย่อมการันตีคุณภาพอะไรในหลายๆ อย่าง ซึ่งถ้าใครที่เคยชื่นชอบหนังอย่าง เพื่อนสนิท, คิดถึงวิทยา, กวนมึนโฮ … ผมว่าคุณไม่ควรพลาด “แฟนเดย์ : แฟนกันแค่วันเดียว” จริงๆ
Note: ต่อไปจะขอแทนคำว่า GTH = GDH เพื่อความเข้าใจง่าย
รู้จักกับแฟนเดย์
- เด่นชัยพนักงานไอทีผู้แอบหลงรักมิวสาวการตลาดในบริษัท วันหนึ่งบริษัทไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นและมิวก็ประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมในเวลาเพียงแค่ 1 วัน ซึ่งเด่นชัยเลยถือโอกาสแปลงตัวเป็นแฟนของมิวในช่วงเวลาแค่ 24 ชั่วโมงนี้
- บทของหนังที่ว่าด้วยเรื่องของความรัก ในจังหวะที่นางเอกเป็นโรคความจำเสื่อม โห เชยมากกกกกก แต่ถึงอย่างนั้น ทีมงานก็ยังใส่ความน่าสนใจลงไปได้ซับซ้อนเอามากๆ
- นำแสดงโดย “เต๋อ ฉันทวิชช์” ในบท “เด่นชัย” พนักงานแผนก IT ที่พูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง และจีบสาวไม่เป็น ซึ่งในเครดิตนั้นเต๋อเป็นผู้ร่วมเขียนบทหนังด้วย
- นางเอกคือ “มิว นิษฐา” ในบท “นุ้ย” พนักงานสาวการตลาด สวยเก่ง ยิ้มง่าย มีสเน่ห์ ใครๆ ก็หลงรัก
- ผู้กำกับคือ “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล” ที่อยู่ทีมมือทองของ GDH คือทำหนังเรื่องไหนก็ได้ตังค์เสมอๆ ทั้ง ชัตเตอร์, กวนมึนโฮ, พี่มากฯ
หนังรักในห้วงเวลาแค่ 1 วัน
- เชื่อว่าหลายคนเข้าไปดูหนังด้วยความรู้สึกว่า หนังน่าจะมีอะไรมากกว่า 1 วันรึเปล่านะ ? ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ก็จะโฟกัสอยู่แค่หนึ่งวันจริงๆ
- ส่วนความคุ้นหน้าเต๋อในบทพระเอกของ GDH ก็แทบจะหมดไป เพราะทีมงานจับแปลงโฉมเต๋อซะเยินเลย น้ำหนักเพิ่มกว่า 10 กิโล ทำผมหยิก ใส่ฟันเหยิน โคตรอืด โคตรเนิร์ด
- ส่วนมิว ที่แฟนหนัง GDH หลายคนไม่คุ้นเคย แต่ก็ต้องบอกว่าเธอคือคนที่ใช่จริงๆ กับบทของนุ้ย ช่วงเวลาที่เธอยิ้ม เราจะมีความสุขไปด้วย ช่วงเวลาที่เธอร้องไห้ เราก็เศร้ากันทั้งโรงจริงๆ
- ถ้าคุณเคยหลงรักรอยยิ้มของ ดากานดา, เคยชอบความสดใสของ หนูนาในกวนมึนโฮ คุณจะหลงรักเสน่ห์ของมิว ในแฟนเดย์แน่นอน
- ผมชอบดูหนังรักในบรรยากาศหนาวๆ แน่นอนว่ามันทั้งโรแมนติคและดูเหงาๆ ดี
- หนังค่อนข้างยาวระดับ 2 ชั่วโมง 16 นาทีเลยทีเดียว ใครจะเข้าชมแนะนำฉี่ก่อนดู 555
- ภาพสวยๆ ที่เคยคิดว่าได้ชมมาแล้วจากในกวนมึนโฮ เรื่องนี้คุณจะได้เห็นภาพที่สวยและโรแมนติคในอีกระดับนึง … โดยรวมผมว่านี่น่าจะเป็นหนังที่ถ่ายในต่างประเทศแล้วภาพสวยสุดของ GDH
- จุดด้อยของหนังก็มีเหมือนกัน ในเรื่องของความสมจริงของบทในหลายๆ จุด ซึ่งก็ทำให้เราตั้งคำถามกับการตัดสินใจของตัวละครไม่น้อย
- แต่ก็ด้วยบทหนังที่แหล่ะ ที่เป็นจุดเด่นได้เช่นกัน ในเรื่องของความซับซ้อน และการวางตำแหน่งของช่วงเวลา ให้มีลูกเล่นจนเราดูได้เพลินๆ และไม่คิดว่า เฮ้ย ทั้งเรื่องนี้มันเกิดในเวลาแค่วันเดียวเองนะ
- ด้วยความที่เป็นหนังรัก ในแบบหนังรักจริงๆ เราเลยไม่ได้เห็นอะไรตลกๆ มากนักแบบ กวนมึนโฮ แต่เรื่องความซึ้งจนน้ำตาซึมนี่ต้องยกให้เลยว่าเอาอยู่จริงๆ
- ดูแล้วอยากไปญี่ปุ่นจุง
- ฉากที่เน้นความโรแมนติคแบบจิกหมอน ก็ต้องยอมรับเลยว่าเอาอยู่มากๆ และไม่ใช่การบิวด์แบบเอะอะก็จะจูบกัน แต่มันมีชั้นเชิง และจังหวะที่ลงตัวเอามากๆ
- เพลงประกอบที่เลือกมา คือเพลง “วันหนึ่ง” ซึ่งดัดแปลงจากเพลงที่ “ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต” เคยร้องเอาไว้ ก็เรียกได้ว่าติดหูเอามากๆ
- “เธอ คือ ฝัน … ที่เป็นจริง”
ความรู้สึกหลังจากได้ชม [Spoil]
- ย้ำอีกทีว่าข้อความหลังจากนี้คือ SPOIL
- ผมชื่นชอบในความกล้าของงานสร้างหลายๆ อย่าง เช่นระหว่างที่นั่งๆ ดูอยู่ ต้องรอให้เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง หนังถึงจะขึ้นชื่อ “แฟนเดย์” มาให้เห็น โอ้ววว ใช้เวลาในการปูเรื่องเต็มที่มากๆ
- เราไม่ค่อยได้เห็นหนังไทยที่ไปต่างประเทศแล้วใช้ตัวประกอบมากนัก แต่เรื่องนี้ได้เห็นกันทั้งบริษัทเลย รวมถึงโปรดักชั่นที่ใช้ในต่างประเทศก็อลังการงานสร้างดี
- ความกล้าอีกเรื่องคือการเล่นกับเรื่องของเวลา จะเป็นไปได้ไงที่หนังรักจะมีระยะเวลาจบในแค่ 24 ชั่วโมงของตัวละคร เพราะงั้นการปูเรื่อง หรือนำระยะเวลาก่อนหลัง เล่าย้อน เล่าปัจจุบัน การมีลูกเล่นกับจุดต่างๆ ละเอียดมากๆ
- น่าจะเป็นบทหนังที่ซับซ้อนที่สุดเรื่องนึงของ GDH เลยทีเดียว
- การตัดสินใจของมิว น่าจะทำให้หลายคนสงสัย ว่าทำไมผู้หญิงสวยๆ ถึงต้องมาเป็นเมียน้อย ตกอยู่ในขี้ปากชาวบ้านได้ตั้ง 3 ปี ซึ่งผมว่านี่เป็นจุดด้อยมากเรื่องความสมจริง
- แต่กลับกันในบทของเด่นชัย ซึ่งเอาอยู่มากทั้งการตัดสินใจ การทุ่มเทให้ใครสักคน การขอเป็นแฟนแค่วันเดียว รวมถึงการตัดสินใจในตอนท้าย ก็เป็นความจริงเอามากๆ
- ฉากมองตา เป็นฉากที่โดนใจมากๆ และมันช่างโรแมนติคจริงๆ ระหว่างที่คิดในใจว่าเฮ้ย ฉากนี้ดีจังว่ะ อยู่ดีๆ เพลงก็หยุด ทั้งโรงเงียบ มีแค่เสียงของสายลม และคนสองคนมองตากันบนเทือกเขาที่หนาวเย็น … โอ้ว สุดดดดด
- อีกฉากที่ชอบคือตอนที่เด่นชัยมาสารภาพรักใน Super Market ซึ่งเราก็ดูแล้วเออ น่ารักและเคลิ้มดีนะ แต่พอมา Flashback ช่วงท้ายที่ว่า จริงๆ เด่นชัยเคยทำแบบนี้แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผลตอบรับมันตรงข้ามกันเลย ดูแล้วมันเจ็บ มันย้อนแย้งจริงๆ
- สำหรับตอนจบ ที่อยู่ดีๆ ก็มีแค่นุ้ยนั่งดูคลิป แล้วอยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหล รวมถึงเดินหนีไปจาก Boss ผู้ที่เธอเคยรอมาตลอด … แล้วก็ขึ้นเครดิตเลย … ซึ่งผมแอบได้ยินคนข้างๆ ร้องขึ้นมาว่า “เชรี่ยยย ทำไมจบแบบนี้”
- อันนี้ต้องยอมรับว่าพี่โต้งช่างซาดิสต์จริงๆ ทำร้ายจิตใจชาวฟีลกู้ดโดยแท้ แต่จะว่าไปจบแบบนี้ก็ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง และก็นำไปเพ้อต่อยอมได้ตามใจชอบกันดีนะ
- แต่ก็ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ไม่ค่อยชอบฉากจบเท่าไหร่ครับ
:: สรุป ::
แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว เป็นหนังรักโรแมนติค ที่คุณภาพคับแก้ว ทั้งนักแสดง บทของหนังที่ซับซ้อน ภาพสวยๆ ที่คุณจะได้พบกับความโรแมนติคในแบบที่หนังรักความจะมี เพลงเพราะๆ ที่มาในจังหวะสวยๆ
ในความครบเครื่อง ก็มีเรื่องของการตัดสินใจต่างๆ ของตัวละครบ้างที่ดูแล้วขัดใจ รวมถึงบางฉากที่แสนซาดิสต์ แต่ก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจ
โดยสรุปแล้ว แฟนเดย์เป็นหนังรักที่ดีเอามากๆ เรียกความคิดถึงให้กับคนที่คุณเคยแอบมอง ดูจบแล้วอยากกลับไปกอดใครสักคนให้นานๆ อยากกลับไปจับมือเขาแล้วก็บอกเบาๆ ว่า …
“จับมือฉันให้นาน … เพราะฉันเป็นของเธอ”
9/10