เชื่อว่าในวงการไอที สื่อ รวมถึงเอเจนซี่แทบจะต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของพี่ปอง “จักรพงษ์ คงมาลัย” (@jakrapong) กันมาไม่มากก็น้อย เพราะนอกจากจะเป็นที่ได้ร่วมงานกับบริษัทชื่อดังอย่าง Yahoo, True, Samsung, Sanook เป็นผู้ก่อตั้งเว็บ Thumbsup ก็ยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ใหญ่ในวงการคนหนึ่งอีกด้วย
โดยส่วนตัวผม (@Khajochi) กับพี่ปองเราก็รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งในวงการบล็อกเกอร์, เว็บไซต์, จัดค่าย YWC รวมทั้งเป็นกรรมการอยู่สมาคมผู้ดูแลเว็บไทยด้วยกัน
เมื่อได้ยินว่าพี่ปองกำลังจะก้าวออกจากการเป็นพนักงานบริษัท เข้ามาเปิดบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรกในชื่อ MoonShot ซึ่งเป็น Digital PR ที่น่าสนใจเอามากๆ ผมเลยขอโอกาสนั่งทานข้าวพร้อมสัมภาษณ์พี่ปองคุยกันแบบโคตร Exclusive ครับ 5555
สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก Yahoo, True, Samsung, Sanook
พี่ปองเล่าเรื่องการทำงานในช่วงแรก จากการได้ไปอยู่ที่บริษัทระดับโลกอย่าง Yahoo ที่สิงคโปร์ เน้นงาน Content ทำให้ได้เห็นว่าคนเก่งกว่าเรานั้นมีอยู่เยอะมาก โลกมันช่างกว้างใหญ่
หลังจากนั้นพี่ปองก็กลับมาที่เมืองไทย โดยเริ่มงานกับ Samsung ก่อนจะย้ายไปทำที่ True ได้ 1 ปีแล้วก็กลับมา Samsung อีกครั้ง ซึ่งเน้นงานด้านการดูแล Social Media และนั่นเป็นจุดเริ่มไอเดียของการทำ Digital PR
จนสุดท้ายก็มาอยู่ที่ Sanook ซึ่งกลับมาทำสาย Content อีกครั้ง โดยพี่ปองดูแลเนื้อหาทั้งหมดใน Sanook ซึ่งทุกอย่างก็ดูดี พี่ปองมีอาชีพที่มั่นคง เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ใครก็อยากได้ตัวไปทำด้วย
คำถามคือ แล้วทำไมพี่ถึงตัดสินใจมาเปิดบริษัทของตัวเองในตอนนี้ ?
“ใช่ครับ พี่คิดเรื่องการทำบริษัทมาตั้งนานแล้ว … แต่ … (คิดนาน) คือเราทำอาชีพมา 15-16 ปี คิดว่าจะโดดจาก Comfort Zone กันได้ง่ายๆ เหรอ ? มันคือการโดดเหวเลยนะ เราจะเป็นยังไงไม่รู้เลยนะ”
การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต อะไรทำให้กล้าเสี่ยง
สิ่งหนึ่งที่ผมสนใจมากกว่าเรื่องของบริษัทใหม่นี้ คือเรื่องของการที่พี่ปองก้าวออกจาก Comfort Zone ออกมาทำธุรกิจเต็มตัว คือผมเชื่อเหลือเกินว่าด้วย Profile ระดับพี่ปองแล้ว สามารถเลือกทำงานที่บริษัทไหนก็ได้ ไปไหนก็มีแต่คนอยากได้ตัว
แต่การตัดสินใจกล้าออกมาจากการทำงานประจำเกือบ 15-16 ปี มีรายได้ มีฐานะที่มั่นคง แล้วมาเปิดบริษัทของตัวเองที่เริ่มจากศูนย์ … ความเสี่ยง ความกดดัน การตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต พี่ปองคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
“เอาจริงๆ พี่ก็เคยคิดหลายที แต่มันก็ไม่เคยพร้อม จุดเปลี่ยนคือการที่ได้ไปเรียน ABC แล้วพบว่าคนที่มาพูดในคลาสแต่ละคนนะ คนที่เค้ามีผลงานเป็นของตัวเอง เค้าโดดจาก Comfort Zone ทั้งนั้นเลย”
“ความรู้สึกของเราคือ เราจะรออย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือเราจะลองดูซักตั้ง ดีกว่าไม่ได้ลองรึเปล่า ?” พี่ปองเผย
หลายคนอาจจะคิดว่าระดับพี่ปอง จะเปิดบริษัทของตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
“เราจะรออย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือเราจะลองดูซักตั้ง”
ทำไมถึงทำ Digital PR ? บริษัท MoonShot คืออะไร
จากการที่เคยทำงานมาทั้งสาย Content และสาย Social Media Marketing แน่นอนว่าใครหลายคนน่าจะคาดหวังว่าพี่ปองจะมาเปิดเอเจนซี่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มาแรงมากในตอนนี้ แต่ทำไมพี่ปองกลับเลือกที่จะเปิด Digital PR ?
“พี่มีความชอบเรื่อง Content เรื่องการดูแล Community คือถ้าเราย้อนกลับไปช่วง 6-7 ปี เอเจนซี่ประเภทหนึ่งเกิดขึ้นมาท่านกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก นั่นคือ Digital Agency ซึ่งเข้ามา Disrupt รูปแบบการทำงานของเอเจนซี่เดิม”
“แต่มีเอเจนซี่อยู่แบบนึง ที่พี่ว่าหลายบริษัทยังปรับตัวได้ไม่ดีนักในโลกทุกวันนี้ นั่นคือ PR”
พี่ปองเล่าว่า PR มีความสำคัญมากต่อบริษัท แต่ปัญหาคือการที่โลกหมุนไปทางดิจิตอล จนทำให้การสื่อสารมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปเยอะมาก พี่มองว่ามันอาจจะมีช่องที่ทำให้เราเข้ามาในจุดนี้ได้
เอเจนซี่ที่เน้น Creative เองก็เน้นเรื่องของการตลาด ไม่ได้เน้นเรื่องของภาพลักษณ์ การใส่ใจลูกค้าแบบ PR พี่ก็คิดว่าถ้ามี Digital PR ที่เข้าใจเรื่องการสื่อสารในโลกของ Social Media, การดูแล Crisis, การสื่อสารกับสื่อหลัก, เว็บและบล็อกเกอร์
สิ่งหนึ่งที่ทำให้การทำ PR บนโลก Digital ไปได้ด้วยดี พี่มองว่ามันคือ Content ที่ดีด้วย
พี่ปองเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่ปองคิดเอาไว้ แต่ก็ยังหาโอกาสหรือช่องทางการทำไม่ได้เสียที จนได้มาเจอกับทาง Rabbit Tale ซึ่งพอคุยกันแล้วพบว่ามีแนวคิดเดียวกันเลยกับพี่ปอง
และด้วยความที่ทีมงานและผู้ก่อตั้ง Rabbit Tale เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เข้าใจโลก Digital เป็นอย่างดี จึงได้เกิดการจับมือกันเปิดบริษัท MoonShot ขึ้นมานั่นเอง
“พี่รู้จักกับแมค (@themacci หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Rabbit Tale) เป็นการพูดคุยกัน จนวันนึงเราก็เห็นว่ามีไอเดียที่เข้ากันได้ดี เราก็เริ่มทดลอง Brain Storm ไอเดีย คุยกันอยู่หลายเดือนเหมือนกัน ก็ต้องขอบคุณที่เค้าอดทนรอกับพี่ด้วย”
คำถามสุดท้าย ผมถามพี่ปองว่า สำหรับการออกมาตามความฝันโดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง กับการได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคง มีตำแหน่งใหญ่โต เงินเดือนสูงมากๆ พี่มองในจุดนี้ยังไง ?
“พี่เชื่อว่า ทุกองค์กร ไม่ใช่ว่าขาดใครคนนึงแล้วมันจะตาย … พี่ก็แค่เป็นคนนึงที่ออกมาตามฝัน ออกมาลองดูว่ามันจะเป็นยังไง ก็แค่นั้นเอง”
ก็ขออวยพรให้พี่ชายคนนี้โชคดีกับก้าวใหม่ในครั้งนี้ครับ