ช่วงสิ้นปีของทุกปี เราก็จะคุ้นเคยกันหนังไทยดีๆ จากค่าย M39 ที่จะออกมาให้ได้ชมกัน แต่ปีนี้ไม่ใช่หนังตลกของพี่ยอร์ช แต่กลับเป็นหนังรักบรรยากาศซึ้ง “รักหมดแก้ว” โดยพี่ยู (ษรัณยู จิราลักษม์)
โชคดีที่ผมได้มีโอกาสไปพูดคุยสัมภาษณ์กับทีมงานและโปรดิวเซอร์ของหนัง รวมถึงได้สัมผัสกับตัวหนังและนักแสดงในรอบสื่อ ก็มีเรื่องน่าสนใจหลายอย่างทีเดียวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ครับ
ที่มาของรักหมดแก้ว
- ไอเดียของเรื่องเกิดมาจากพี่ยู ผู้กำกับได้ไปเปิดร้านเหล้านี่แหล่ะ และพบว่าในวงเหล้านั้นมีบรรยากาศบางอย่างที่น่าสนใจ
- เพราะคนเราในโลกปกติอาจจะเป็นคนนึง แต่พอได้มาพบเพื่อนฝูง ได้อยู่กับคนรักในวงเหล้า เราจะได้เห็นตัวตนของแต่ละคนออกมา บางคนเป็นคนที่น่ารักมากๆ บางคนพูดจากวนตีน บางคนรักเพื่อนมากกว่าตัวเอง
- พี่ยูนำเรื่องไปปรึกษากับพี่ออฟ มณฑล (ผู้กำกับ I Miss You และผู้บริหารค่าย M39) ว่าอยากทำหนังแนวนี้ ซึ่งพี่ออฟตอบตกลงทันที
- เหล้า, เพลง และความรัก คือธีมหลัก
- ชื่อ Love on the rock เป็นชื่อแรกของหนัง ก่อนจะมีชื่อภาษาไทยว่า “รักหมดแก้ว”
- เมื่อเพลงมีส่วนสำคัญต่อหนังมาก นักแสดงจึงเลือกจากคนที่อินต์กับเพลงสุดๆ ซึ่งก็ได้นักร้องจากทั่วทุกค่ายในเมืองไทย มาร่วมในหนังเรื่องนี้ ทั้งจากแกรมมี่, ก้านคอคลับ, The Voice, AF ฯลฯ
- โดยเฉพาะกับ “มาช่า” ถือเป็นนักแสดงตัวเลือกคนแรก เพราะบท “พี่อุ๊” สาวใหญ่ที่ประสบปัญหาชีวิตมามากมาย ช่างเข้ากับชีวิตจริงของมาช่ามาก ซึ่งเมื่อตอนที่เสนอบทไป พี่ช่าก็ตอบตกลงทันที แถมยังอินมากถึงกับขอแต่งหน้าเองในหลายฉากที่เน้นการแสดงอารมณ์
- ส่วนพระเอกและนางเอกเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน พิไลพร และ ปอนด์ ณปรัชญ์ เพื่อให้คนดูไม่ติดภาพเดิมของนักแสดง
ไม่เมาเหล้า แล้วมัยจึงเมารัก
- หนังเริ่มต้นด้วยที่มาที่ไปในความรักของบั๊กโจ้และไฟเลี้ยว ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาลัย
- ช่วงที่เรียนมหาลัยถ่ายทำที่ลาดกระบังด้วยนะ เห็นแล้วคิดถึงมหาลัยเก่าเลย 5555
- ไฟเลี้ยวเป็นผู้หญิงที่มีบาดแผลด้านความรักจากครอบครัว เลยมีความ “กลัว” ที่จะสูญเสียคนรักไป ทำให้เธอตั้งกฏเกณฑ์มากมาย กลายเป็น “ความรักที่ไม่ผูกมัด”
- ฉันไม่ใช่ของเธอ เธอไม่ใช่ของฉัน วันนึงถ้าเจอคนที่ดีกว่าก็พร้อมจะไป
- เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยประสบกับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่า “อยู่ในฐานะอะไร” แบบนี้น่าจะอินต์ทีเดียวแหล่ะ
- เมื่อทั้งคู่เรียนจบมาได้พบกับพี่ๆ ทั้งในบริษัทและเพื่อนของพี่อีกที ทำให้เรื่องราวค่อยๆ เริ่มให้เห็นจากวงเหล้า ในผับที่บั๊กโจ้เป็นเจ้าของกิจการ
- ผมชอบบรรยากาศในวงเหล้าของหนังนะ ภาพในการเล่ามีทั้งความสวยงามของเหล้าประเภทต่างๆ ตัวตนของแต่ละคนที่เปิดเผยออกมา และการแสดงที่เข้าขากันได้ดี จนนึงว่าพวกเขากินเหล้ากันมาเป็นปีๆ
- ถึงแม้จะทำบรรยากาศได้ดี แต่จุดอ่อนของหนังก็อยู่ที่การเล่าเรื่องโดยเฉพาะความคิดต่างๆ ของไฟเลี้ยว ที่ผมเองก็ตามไม่ค่อยทัน และก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอต้องการกฏเกณฑ์ในชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ
- การแสดงของบั๊กโจ้ก็ยังดูติดๆ ขัดๆ แต่โชคดีที่ได้รุ่นพี่อย่างมาช่าและออฟ ปองศักดิ์ ที่ท็อปฟอร์ม แสดงได้เข้าถึงมากๆ ช่วยพยุงหนังไว้ได้ดี
- สิ่งที่ขาดไม่ได้คือเพลงในหนัง ที่มีเยอะมากๆ และก็มาได้จังหวะแบบพอดีๆ อย่างเพลง “ใจนักเลง” ที่ถือว่าเป็นเพลงชาติในผับ และเข้ากับคนอกหักได้ดีนักแล
- ความเป็นหนังของ M39 ก็ยังคงเต็มไปด้วยคำคมความรักที่น่าสนใจและเอากลับไปคิดต่อได้
- “ชีวิตก็เหมือนรถไฟเหาะ มันทั้งหวาดเสียว และตื่นเต้น … แต่มันโคตรสั้นเลยว่ะ”
- “ความรักที่ไม่ผูกมัด ไม่ต้องการเป็นเจ้าของ มันไม่มีอยู่จริงหรอก”
- “เคยตั้งคำถามกับชีวิตไหม ถ้ามี 5 ข้อ เต็มสิบให้เท่าไหร่”
โดยสรุปแล้ว “รักหมดแก้ว” เป็นหนังรักบรรยากาศดีๆ ที่ให้มากกว่าความเมา แม้หน้าหนังและตัวอย่างจะดูเหมือนสนุกสนานไปวันๆ แต่แท้จริงแล้วชีวิตมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย
จุดด้อยของหนังเป็นการเล่าเรื่องในหลายๆ ฉาก นักแสดงเคมีเข้ากันได้ดี ไฟเลี้ยวดูสวยน่ารักมาก มาช่ากับอ๊อฟ ก็แสดงดีจนนึงว่าเป็นตัวของตัวเอง
หนังมีเรื่องเหล้าและคำหยาบพอสมควร เหมาะกับวัยนักศึกษาและคนทำงาน ชมกันได้เพลินๆ ในช่วงสิ้นปี บรรยากาศอบอวลไปด้วยการเฉลิมฉลองแบบนี้ครับ
8/10