รีวิว: กล้อง Samsung NX3000 ภาพสวย แชร์ง่าย พกไปเที่ยวตัวเดียวเอาอยู่

เที่ยวต่างประเทศทั้งทีต้องมีภาพสวยๆ กลับมาบ้าง” เชื่อว่าใครหลายคนน่าจะมีความคิดทำนองนี้บ้าง ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบเที่ยวมาก โดยเฉพาะการเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งไปทั้งทีเราก็อยากได้ภาพสวยๆ ไว้อวดชาวบ้านเป็นเรื่องธรรมดาโฮะๆๆๆ

ทริปเที่ยว “เกาหลี” ในครั้งนี้ ทางซัมซุงได้ลองให้ยืมกล้อง Samsung NX3000 มาทดสอบดูก่อนวางขายจริง โดยที่ทีมงานบอกก่อนเลยว่า ถ้าชอบก็ชม ไม่ชอบก็ด่าได้เลยตามตรง (ฮา)

ลองอ่านรีวิวจากหลายเว็บต่างประเทศแล้วค่อนข้างดี ก็นั่งคิดอยู่หลายวัน ก่อนจะตัดสินใจลองเสี่ยงดวงทิ้งกล้อง DSLR ตัวเก่งไว้ที่บ้าน แล้วพกเจ้า NX3000 ไปเที่ยวเกาหลีเพียงตัวเดียวเท่านั้น !!

[Advertorial]

แกะกล่อง Samsung NX3000

กล้องถ่ายรูปที่มีในตลาดตอนนี้เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น โดยหลักๆ แล้วตอนนี้มีกล้อง 4 ประเภทคือ กล้องมือถือ, กล้อง Compact, กล้อง Mirrorless, กล้อง DSLR

ซึ่งช่วงหลังเทรนด์กล้อง Mirrorless ถือว่ามาแรงมาก เพราะภาพที่ได้สวยคมเทียบเท่า DSLR แต่ขนาดเครื่องเล็กกว่าเท่าตัว และเปลี่ยนเลนส์ได้ด้วย (กล้อง Compact เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้)

ข้อมูลที่น่าสนใจ

  • กล้องมีขนาดกว้างยาว 117 x 65 มิลลิเมตร 
  • หนัก 230 กรัม
  • เลนส์ Kit ที่แถมมาด้วยคือ 16-50 mm, f/3.5-5.6
  • มีโหมดถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ, ถ่ายวิดีโอ, แบบฟังก์ชันพิเศษ, พาโนรามา และโหมดปรับค่าด้วยตัวเอง (A, S, M)
  • มาพร้อมแฟรชแบบถอดเก็บได้
  • มี Wi-Fi ในตัว สามารถแชร์ภาพไปที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้โดยตรง
  • ตัวปรับค่าและเลือกใช้งานต่างๆ อยู่ด้านขวาหลังเครื่อง
  • จอดูภาพขนาด 3 นิ้ว 
  • จอภาพปรับระดับได้ 180 องศา ถ่าย Selfie มีจอให้ดูได้ด้วย
  • อุปกรณ์ที่มาด้วยมีสายคล้องคอ, สายชาร์จ, คู่มือ, แผ่นโปรแกรม
  • ราคาขาย 17,900 บาท

ไปเกาหลีกันเถอะ !!!

ส่วนตัวผมอยากลองใช้กล้อง Mirrorless มานานแล้วครับ คือเราใช้กล้องตัวใหญ่ๆ มานานก็พอปรับค่าโน่นนี่นั่นเป็น แต่รอบนี้อยากลองซักครั้งที่ไปเที่ยวด้วยการถ่ายภาพโหมดอัตโนมัติ

โหมดถ่ายแบบอัตโนมัติมี 2 แบบคือ Auto และ Smart Mode

  • Smart Mode คือเลือกได้เองว่าจะใช้ถ่ายวิว, ถ่ายหน้า, ถ่ายอาหาร, ถ่ายกลางคืน
  • Auto ก็สมชื่อ คือเลือกให้เองเลยว่าเรากำลังถ่ายอะไรอยู่ เช่นถ้ากล้องเห็นภาพหลังกว้างๆ ก็จะเลือกเป็นโหมดถ่ายวิวให้เอง 
ส่วนตัวผมเลือก Auto เกือบตลอดทั้งทริปและใช้เลนส์ Kit ที่กล้องให้มาเลย จะมีแค่บางจุดที่เลือก Smart Mode ด้วยตัวเอง เราลองมาเที่ยวไปพร้อมกัน และลองใช้โหมดต่างๆ ที่กล้อง NX3000 มีให้มาดูครับ

ก่อนขึ้นเครื่องก็ต้อง Selfie กันก่อนเลยตามระเบียบ ซึ่งในโหมดถ่ายภาพคน กล้องจะแต่งภาพให้หน้าเนียบมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งในระดับนึงด้วย

ระหว่างขึ้นเครื่อง มุมยอดฮิตคือถ่ายปีกเครื่องบินขณะอยู่เหนือเมฆ (ก็บนเครื่องไม่มีวิวอื่นนิ) ซึ่งก็ลองใช้โหมดถ่ายภาพวิว อย่างที่เห็นว่าภาพที่ได้จะเก็บรายละเอียด สีสันที่ชัดเจน ไล่สีขอบฟ้ามาจนถึงปุยเมฆ

มาถึงเกาหลี เข้า Check-in ที่โรงแรม แทนที่จะใช้กล้องมือถือ ผมลองใช้กล้อง NX3000 ถ่ายภาพแบบพาโนรามา ซึ่งก็ได้ภาพกว้างดี และแต่ละช่วงซ้ายขวาก็ไม่มีรอยต่อของภาพให้เห็นเลย

โหมดถ่ายภาพวิวนี่ค่อนข้างสารพัดประโยชน์ โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยว ลองดูตัวอย่างภาพวิวต่างๆ ที่ถ่ายมาจะเห็นว่าภาพคมดี แต่สีสันบางทีก็ดูแสบตาไปหน่อยนะ

ผมชอบถ่ายภาพที่มี Detail เยอะๆ อย่างภาพต้นไม้หรือก้อนหินนี้จะเห็นรายละเอียดสูงมาก เอามาทำภาพ Wallpaper ในคอมก็สวยดี

แอบถ่ายคนกำลัง Selfie

ไปกับสาวๆ ก็จะพบเห็นคุณนายหยิบมือถือมาถ่าย Selfie ทั้งวัน คราวนี้ผมเลยท้าบอกให้ลอง Selfie ด้วยกล้องตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยดูซิจะเป็นยังไง

ซึ่งภาพที่ได้ แน่นอนว่าต้องชัดกว่ากล้องมือถือมากอยู่แล้ว แต่จากที่เห็นคือผู้หญิงอย่างเชอรี่ยังยกกล้องถ่ายมือเดียวได้ไม่หนัก, มีจอภาพมองเห็นตัวเอง และภาพกว้างเก็บวิวข้างหลังครบ ซึ่งกล้องมือถือทำไม่ได้

ด้วยความที่เราจะเป็นชนชาติที่ถ่ายอาหารก่อนกิน แน่นอนว่ากล้องก็มาพร้อมโหมดอาหาร ถ่ายภาพง่ายๆ แต่ออกมาน่ากินนี่ทำยากนะ 555 เห็นแล้วหิว

ถ่ายภาพแบบมาโคร อันนี้หลายคนไปเที่ยวไม่ค่อยได้ภาพแบบนี้กลับมา แต่ขอแนะนำเลยครับ มันสวยและน่าดูดีนะ

Action Freeze ถ่ายภาพให้หยุดนิ่งกลางอากาศได้ด้วยนะ

เลนส์ที่ให้มาด้วยเป็น 16-50 mm และ F 3.5-5.6 ถ่ายแนวกว้างยังได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วย ภาพแนวนี้เอาไปทำรูป Cover ใน Facebook จะสวยมาก

ถ่ายภาพกลางคืน ช่วงเวลาปราบเซียน

ช่วงเวลาปราบเซียนเลยคือการถ่ายภาพช่วงแสงน้อย เช่นในร้านอาหาร, ในโรงแรม หรือเวลาออกไปเดินเที่ยวตอนค่ำ ซึ่งกล้องมือถือคงไม่ต้องพูดถึง ภาพแตก มองไม่เห็นอะไรเลย สีเพี้ยน เป็นเรื่องปกติ

มีความยากนึงคือถ่ายกลางคืนมือต้องนิ่ง ขยับนิดเดียวภาพเบลอแน่นอน ซึ่งเลนส์ของ NX3000 จะมีระบบกันสั่นมาด้วย มาลองดูภาพถ่ายที่แสงน้อยกัน

ทดสอบถ่ายใน Starbucks ช่วงเย็น แสงน้อยแต่ก็เก็บภาพและอารมณ์ของร้านไว้ได้ดี

ถ่ายย่านช้อปปิ้งช่วงเย็น จะเห็นว่าท้องฟ้ายังไม่มืด แต่ภาพป้ายไฟต่างๆ ไม่ถูกกลืนไป คือได้ทั้งท้องฟ้า อาคาร และตัวอักษรในป้ายด้วย

ถ่ายร้านขายอาหารรถเข็นในเมียงดง คือทุกคนในภาพขยับกันไปมาตลอด วุ่นวายมาก แต่ก็ยังถ่ายได้เหมือนภาพนิ่ง ไม่เบลอ

กลางคืนมีโหมด Light Trace ด้วยนะ คือตั้งกล้องไว้แล้วกดถ่าย ภาพจะเก็บแสงที่วิ่งผ่านไปมากลายเป็นภาพสวยๆ แบบนี้ได้ (แต่ต้องวางกล้องนิ่งมากนะ ภาพนี้ผมวางกล้องไว้บนกระถางต้นไม้)

ขบวนพาเหรดแสงสีที่สวนสนุก Everland ถ่ายยากเหมือนกันเพราะรถวิ่งไปตลอดทาง และแสงก็วิ่งตามเส้นไปด้วย แต่ก็ยังได้ภาพสวยๆ มา แถมได้บรรยากาศคนที่นั่งดูอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะ

ภาพปราบเซียนของแท้ต้องถ่ายพลุไฟเลยจ้า แสงก็แทบไม่มี พลุก็วิ่งเร็ว แต่นี่คือภาพที่ได้ เห็นประกายไฟนั่นไหม

ก่อนที่เราสองคนจะกลับจาก Everland ผมก็ชวนเชอรี่ไปเล่นม้าหมุนระลึกความหลังกันซักรอบ ซึ่งทั้งบรรยากาศและแสงสี มันโรแมนติคมากเลยนะ เราก็สนุกสนานมองตากันปิ้งๆ มุ้งมิ้งกันไป

อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกว่าเฮ้ย โมเม้นต์นี้มันดีมากเลย ก็เลยคว้ากล้องแล้วลงจากม้า ก้มลงไปถ่ายภาพภรรยาคนสวยของผม … และนี่คือภาพที่ได้ครับ เป็นภาพที่ผมชอบที่สุดตลอดทั้งทริปนี้เลย คือมันทั้งสวยและได้อารมณ์ที่เกิดในตอนนั้นมาก

 

แชร์ภาพเข้ามือถือแท็บเล็ตได้ในทันที

เนื่องจากเราเป็นพวกบ้า Social ครับ คือมีภาพอะไรสวยๆ ต้องแชร์ ไปเที่ยวจุดไหนต้องขอเอาภาพมา Check-in ก็แหมไปเที่ยวต่างประเทศทั้งทีก็ต้องขอบ้าง (ไม่) นิดนึง

ปัญหาของกล้อง DSLR ใหญ่ๆ คือภาพสวยก็จริงแต่กว่าจะเอารูปมาแชร์ให้ชาวโลกได้เห็นนี่ใช้เวลานานมาก บางคนกลับถึงเมืองไทยค่อยได้เวลาเอาภาพในเมมออกมา ซึ่งสำหรับผมทางแก้คือใช้มือถือถ่ายในบางช่วงแทนซะเลย

กล้อง NX3000 มาพร้อมกับ Wifi Built-in มาด้วย พร้อมโหมดแชร์ภาพได้หลายแบบ ซึ่งเราต้องโหลดแอพ Samsung Smart Camera มาก่อน (มีทั้ง iOS, Android)

เวลาจะแชร์ภาพจากกล้อง ก็กดไปที่ปุ่ม Mobile เลือกโหมด Mobile Link จากนั้นก็เชื่อมต่อมือถือผ่าน Wifi มาที่เครื่องได้โดยตรง จากนั้นก็เลือกรูปมาแชร์ได้เลย สามารถแชร์ทีละหลายคนพร้อมกันก็ได้นะ

ผลก็คือพวกเราสามารถแชร์ภาพที่เพิ่งถ่าย ไปลงใน Social Network ต่างๆ ได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที

ซึ่งภาพที่ลงใน Facebook, Twitter, Instagram นี่สวยกว่าปกติที่ใช้มือถือมาก แชร์เพียบ !! Like ตรึม !!

อีกโหมดนึงที่ผมชอบมากคือ AutoShare อธิบายง่ายๆ คือพอเราต่อมือถือเข้ากับกล้องในโหมดนี้ปุ๊บ กดปิดมือถือแล้วใส่ในกระเป๋าได้เลย จากนั้นก็เอากล้องมาถ่ายแชะๆๆๆๆๆๆ

ภาพทั้งหมดจะ AutoShare ไปลงที่มือถือให้โดยอัตโนมัติ ถ่ายจากกล้องใหญ่ปุ๊บ ลงมือถือปั๊บเลย (ใช้เวลาส่งไฟล์ 2-3 วินาที) เวลาดูคอนเสิร์ตหรือเจออีเวนต์สำคัญๆ ก็กดถ่ายอย่างเดียว พอเสร็จปุ๊บ หยิมมือถือขึ้นมาแชร์ภาพต่อได้ทันที

แชร์ประสบการณ์ใช้จริง

  • หลังจากที่ได้ใช้กล้อง Samsung NX3000 ตลอด 5 วันในเกาหลี ก็มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง 
  • ตัวเครื่องต้องบอกตามตรงเลยว่าวัสดุที่ใช้ดูไม่พรีเมี่ยมเท่าไหร่ ตัวจับเป็นพลาสติก สายคล้องคอเส้นบางไปหน่อย 
  • แต่ตัวกล้องก็เล็กดี พกพาสะดวก ไปไหนคล่องตัว 
  • แบตใช้ได้นานเต็มวัน
  • แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของภาพที่ได้ อันนี้บอกเลยว่า “ชอบครับ”
  • คือไม่ใช่แค่ภาพสวย คม ชัด แต่ความง่ายของกล้องเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งภาพทั้งหมดที่เห็นผมถ่ายด้วยโหมด Auto ไม่มีปรับค่ายุ่งยากด้วยมือเลยซักใบ
  • ใช้ง่ายมาก บางภาพให้สาวๆ อย่างเชอรี่กดถ่ายเองเลย
  • มีโหมดที่ไม่ค่อยชอบคือโหมดถ่ายหน้า ที่ภาพเราจะมุ้งมิ้งหน้าเนียนขึ้นมา ส่วนตัวไม่ค่อยชินครับ แต่สาวๆ ก็อาจจะชอบมั้ง (แต่ปิดไม่ให้มุ้งมิ้งได้นะ)
  • ตัวกล้องรุ่นสีขาว สวยกว่าสีดำ (แต่ผมได้รีวิวสีดำ T___T)
  • สิ่งที่เปลี่ยนมุมมองของเรามากสุดคือที่แชร์ภาพจากกล้องใหญ่มามือถือได้ทันที เป็นอะไรที่สำคัญกับเรามาก 
  • และไม่น่าเชื่อว่าตลอดทั้งทริปเราไม่เคยต้องหยิบมือถือมาถ่ายภาพแล้วกดแชร์เลย คือกล้องระดับนี้ภาพสวยกว่าเห็นๆ แถมแชร์ง่ายมามือถือได้เร็ว มันฟินมากบอกเลย

:: สรุป ::

ข้อดี

  • ภาพสวย คมชัด แสงสี ให้รายละเอียดที่ดี
  • ใช้ง่ายมาก มีโหมดอัตโนมัติให้เลือกใช้เยอะ ตั้งแต่ถ่ายอาหารยันถ่ายพลุกลางคืน
  • มีจอดูภาพที่ปรับองศาได้ ถ่าย Selfie ได้เห็นหน้าตัวเอง
  • แชร์ลงมือถือและแท็บเล็ตได้โดยตรง รวดเร็ว ใครติด Social จะฟินมาก

ข้อเสีย

  • วัสดุไม่พรีเมียมมากนัก
  • โหมดถ่ายภาพบางโหมดให้สีเกินจริงไปหน่อย
  • ไม่ได้ใช้จอ Touch Screen อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ
กล้อง Samsung NX3000 เป็นกล้องระดับกลางที่ให้ภาพสวย คมชัด คุณภาพดีไม่แพ้กล้องตัวใหญ่ DSLR แถมยังใช้งานง่าย ไม่ต้องรู้เรื่องการปรับค่ากล้องมากมายก็ถ่ายภาพสวยๆ กลับบ้านได้เหมือนกัน
ตัวเครื่องวัสดุที่ใช้ยังไม่ดีเท่าไหร่ โหมดถ่ายภาพบางอันให้สีเกินจริง โหมดถ่ายหน้าปรับเนียนไปหน่อย ซึ่งบางคนอาจจะชอบ เลือกไม่ให้หน้าเนียนก็ทำได้
อย่างไรก็ดี ด้วยความสามารถหลายอย่าง รวมถึงการแชร์เข้ามือถือได้ง่ายมากๆ ลูกเล่นเยอะ และที่สำคัญคือราคาไม่ได้สูงมาก ไม่ต้องซื้อกล้องตัวใหญ่ก็ฟินได้ สรุปแบบจากใจโดยไม่ต้องแอ๊บเลยคือ Samsung NX3000 เป็นกล้องที่ผม “แนะนำครับ”