“Mary Is Happy หนังแม่งมั่วสัด” เป็นประโยคหนึ่งที่วิ่งผ่านสายตา ขณะผมกำลังนั่งเล่นทวิตเตอร์อย่างเคยชิน ทันใดนั้นมือก็คลิกเข้าไปกดเสิร์ชหาข้อมูลอย่างว่องไว แล้วก็พบกับเรื่องย่อของหนังที่ว่า
หนังสร้างขึ้นจากทวิตเตอร์ของเด็กสาวชาวไทย username ว่า ‘แมรี่ มาโลนี่’ (@marylony) จำนวน 410 ทวีตแบบติดต่อกันตามลำดับเวลาจริง และตีความออกมาเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่ต้องเผชิญกับ 410 เหตุการณ์ประหลาดในชีวิตช่วงสุดท้ายของมัธยม
“เชี่ย … บทแม่งเจ๋งสัด” ผมตะโกนในใจ และต้องมาแปลกใจกับกระแสหนังที่แม้จะมีโรงฉายที่น้อย(มาก) แต่คนกลับไปต่อคิวซื้อบัตรจน House RCA, Lido คนดูเต็ม แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ปรากฏการณ์ House โรงแตก !! |
พรุ่งนี้ต้องเร็วนะ, เรามีเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง
- ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ หรือพี่เต๋อ ผู้เขียนบทหนังดังมากมายอย่าง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” หรือหนังสั้นอย่าง “มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนเกลียดเมธาวี” (หนังในดวงใจผมเลย)
- แมรี่ มาโลนี่คือใคร ? ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากปากคำของพี่เต๋อ เขาคือเด็กสาวเจ้าของทวิตเตอร์ @marylony ซึ่งทวีตโดยไม่ RT ใคร, ไม่ Mention ใคร, คือเวิ่นเว้อเป็นตัวของตัวเอง
- พี่เต๋อแกเลยจับเอา 410 ทวีตแรกของเธอมาเรียงร้อยต่อกันเป็นหนัง 1 เรื่อง
- คือพี่เต๋อแกเลือกจาก 1 ใน Follower ของพี่แกเอง โดยการสุ่มเข้าไปอ่าน Timeline และก็พบว่าแมรี่น่าสนใจดี จนทำหนังเสร็จผกก.กับแมรี่ก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงกันด้วยซ้ำ
- ทำหนังจากทวิตเตอร์บางคนอาจจะคิดว่าง่าย แต่ถ้าลองคิดดูว่าทุกข้อความถูกเอามาแบบไม่มีข้าม ชีวิตเด็กผู้หญิงมัธยมคนนึง ที่วันนี้เบื่อ พรุ่งนี้ไปเรียน บ่ายๆ ตกหลุมรัก ตกดึกเวิ่นเว้อกับเพื่อน อีกวันออกไปเที่ยว
- ผลคือเราได้หนังที่โคตรจะมั่วสัด ดังที่ตัวอย่างหนังได้บรรยายไว้
- และนั่นคือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ จนได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ
- จังหวะของหนังคือสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ (เลย)
- เปิดมาอย่างเชื่องช้า อยู่ดีๆ ตัดไปฉากวิ่ง เผลอแป๊บเดียวตัวละครนั่งคุยกัน คุยไม่ทันจบกลับไปเวิ่นเว้ออีกแล้ว
- สิ่งที่สนุกที่สุดคือการที่ทุกฉากทุกตอนในหนังเชื่อมโยงกับประโยคบนทวิตเตอร์ของแมรี่
- บางครั้งเราเห็นทวีตก่อน แล้วค่อยลุ้นว่าผู้กำกับจะมาไม้ไหน
- บางฉากเรื่องราวโคตรจะดราม่า แล้วก็ขึ้นทวีตที่สรุปสิ่งที่เกิด ทำเอาเราจุก ว่าเฮ้ย โคตรคมอ่ะประโยคนี้
- นอกจากนี้ยังเสริมความกวนตีนด้วยการเล่นมุกคำไทย คำอังกฤษ แบบที่มุกควายยังต้องอาย ตรงนี้ถ้าใครอ่านไว ตาไว ฟังไว จะสนุกมาก
- ข้อเสียคือคนตามไม่ทันจะงง ว่าเล่นมุกอะไรกัน ซึ่งผมก็ไม่ทันในบางฉากนะ แต่ช่างมันเถอะ ฉากหน้ากูตามให้ทันก็ได้วะ 55
“ว้อทดาฟักอิสดิส” คือประโยคจากในตัวอย่างหนัง (จะมีหนังเรื่องไหนกล้าใช้คำนี้ฟะ 55) |
- เรื่อวราวของหนังโดยสรุปคือ เด็กสาวแมรี่ (พัชชา พูนพิริยะ) เรียนมัธยมในโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีเพื่อนสนิทชื่อซูริ (ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย) เธอสองคนสนิทกันมาก วันหนึ่งทั้งสองตัดสินใจทำสมุดรุ่นขึ้นมาก่อนเรียนจบ
- แมรี่และยูริช่วยกันทำหนังสืออย่างตั้งใจ โดยแมรี่เป็นบก.และตากล้อง
- ระหว่างนั้นแมรี่ก็ไปพบรักกับชายแปลกหน้า เธอก็ไม่ต่างจากหญิงสาวที่ตกหลุมรักชายหนุ่ม คือเวิ่นเว้อ เพ้อ และเป็นเอามากในทุกด้าน
- จนสุดท้ายเราได้พบตอนจบที่คาดไม่ถึงกับชีวิตของแมรี่และซูริ
- ในความแปลกและประหลาดของหนัง สิ่งหนึ่งที่ดึงเราเอาไว้ให้จดจ่อไปกับหน้าจอได้ตั้งแต่ต้นจนจบ คือการดำดิ่ง ลงลึกถึงจิตใจหญิงสาววัยรุ่นคนนึง
- แต่ละทวีตของแมรี่ช่างมีความเป็นตัวของตัวเอง สะท้อนหญิงสาววัยรุ่นธรรมด๊าธรรมดาออกมาได้อย่างน่าประหลาด ราวกับเราเข้าไปกดฟอลโล่ว์ชีวิตเด็กคนนี้ตลอด 2 ชั่วโมง
- ประโยคสั้นๆ แต่น่าสนใจมีออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- “ชอบคืออารมณ์ รักคือความรู้สึก”
- “ไปซ้ายหรือขวา แต่ที่ยากสุดคือตรงกลาง”
- “เกิดเรื่องราวร่วมกันตั้งแต่มีปุ่มฟอโล”
- “มองกลับย้อนไป แล้วคิดๆดู มันเคยเกิดขึ้นจริงๆ”
- “คนเราต้องมีรัก อยู่โดดเดี่ยวยิ่งนานคงไม่ดี สักเท่าไร”
- ผมสังเกตคนที่ดูหนังออกมา แม้จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ทุกคนรู้สึกเข้าใจความเป็นแมรี่ เข้าใจความเป็นเด็กสาววัยรุ่นคนนึง
- เด็กสาววัยรุ่นไทย = สับสน ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้อนาคต สงสัยในเรื่องที่ผู้ใหญ่ให้ทำ มีความรัก เศร้า เหงา อยากมีความสุข และต้องการใครซักคนนึงคอยอยู่เคียงข้าง
สรุปเมื่อคืนเป็นการคอมพลีสเดอะมิชชันเฉยเลย
ทางด้านเทคนิคแล้ว Mary Is Happy คือหนังที่มีภาพสวยงาม การตัดต่อเร้าใจ เสียงเพลงที่ดึงอารมณ์ร่วมในแต่ละฉากได้เป็นอย่างดี (ผมชอบเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดนะ โดยเฉพาะตอนกด Enter)
ด้านการแสดง สองตัวละครหลักอย่างแมรี่ ก็เรื่อยเปื่อย เวิ่นเว้อได้ใจ ส่วนยูริก็หน้าตาย และเฉือนคมกับแมรี่ได้อย่างสนุก แต่จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือการดึงอารมณ์ในช่วงกลางของหนังที่เริ่มเนือย จนคนข้างๆ ผมถึงกับหลับคาโรง แต่ก็ตื่นมาดูช่วงท้ายที่ท้าทายใช้ได้อยู่
นอกเหนือจากทุกสิ่งที่กล่าวมา ผมพบว่าส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ “บทพูด” ซึ่งมันออกมาเป็นธรรมชาติ และจริงจนไม่รู้สึกเลยว่าตัวละครกำลังเล่นหนังอยู่ เหมือนกับเรากำลังนั่งดู Reality Show ตามติดชีวิตแมรี่ยังไงยังงั้น
สรุปแล้ว Mary Is Happy เป็นหนังที่น่าสนใจ ย่อยไม่ยาก ท้าทายคนดู แปลก และมีความน่าสนใจพอที่จะเข้าไปพบกับอีกมิตินึงของภาพยนตร์ ที่ไม่รู้ว่าจะมีคนทำหนังแบบนี้ออกมาอีกหรือเปล่า .. ชอบครับ แนะนำ
9/10