ผมชอบนวนิยายเรื่อง “คู่กรรม” มาก เช่นเดียวกับคนไทยหลายคน และก็ได้ติดตามดูคู่กรรมมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ทั้งเวอร์ชันละครหรือหนังใหญ่ ซึ่งปีนี้น่าจะเป็นปีสุดพิเศษเพราะมีคู่กรรมให้ดูพร้อมกันถึง 2 เวอร์ชันเลยทีเดียว
ท่ามกลางการโหมโปรโมทภาพยนตร์อย่างหนัก การได้พระเอกแห่งยุคอย่างณเดชน์มา ลงทุนสูงถึง 70 ล้านบาท รวมถึงตัวอย่างภาพยนตร์พร้อมเพลงเพราะขั้นสุดยอด ทำให้คู่กรรมเวอร์ชันนี้ถูกคาดหวังเอาไว้สูงปรี๊ด
แต่แล้วเสียงตอบรับจากรอบสื่อที่ไปคนละทิศละทาง พร้อมเสียงวิจารณ์ที่ตามมาจากหลายคนว่า “ห่วย”, “ไม่ชอบ”, “นางเอกเหมือนหุ่นยนตร์” ฯลฯ
แต่ส่วนตัวแล้วผมกลับรู้สึกชอบ “คู่กรรม” เวอร์ชัน 2556 มากเป็นพิเศษ และน่าจะเป็นเวอร์ชันที่ชอบที่สุดที่เคยดูมาเลยด้วยซ้ำไป
ปัญหาของ “คู่กรรม”
ความพิเศษในบทประพันธ์ของทมยันตีเรื่องนี้คือ การบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เต็มไปด้วยรายละเอียดสำคัญ เหตุการณ์จำนวนมาก และทุกจุดมีที่มาที่ไป ทำไมแม่อังไม่ชอบญี่ปุ่น ทำไมถึงต้องแต่งงาน ทำไมถึงต้องมีคำสัญญา ฯลฯ
ปัญหาของคู่กรรมคือมันไม่เหมาะกับการทำเป็นหนัง แต่เหมาะกับการทำเป็นละครมากกว่า คือถ้ามานั่งเก็บรายละเอียดนี่ตาย แต่จะข้ามก็ไม่ได้
เป็นปัญหาเดียวกับที่เวอร์ชันหนังใหญ่ปี 2538 มีแต่บันทึกเหตุการณ์สำคัญ จนหนังออกมาไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม ทั้งที่หัวใจหลักของคู่กรรมคือเรื่องราวความรัก
ความซวยอีกอย่างคือคู่กรรมดันเปิดฉายช่วงใกล้กับพี่มากพระโขนง ซึ่งเป็นหนังที่ไม่มีใครคาดหวัง แต่ทำได้ดีเกินคาด ความกดดันของหนังที่ทุกคนคาดหวังมากเลยสูงตามไปด้วย
ผู้กำกับมีเหตุผลของเขา คนดูมีหัวใจของคนดู
จากปัญหาเรื่องรายละเอียดของคู่กรรม ก็ได้ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณเรียว กิตติกร (ผู้กำกับ) ที่บอกว่า เขาตัดสินใจที่จะเลือกเล่าเฉพาะครึ่งหลังของนวนิยาย คือเน้นเรื่องความรักของสองคนมากกว่า โดยเล่าเรื่องเหตุการณ์สำคัญไปแบบผ่านๆ
[Spoil]
- ผมชอบคุณเรียวที่ความแนวของเขานี่แหล่ะ หนังเรื่องก่อนๆ แกก็จะติสต์แตกหน่อยๆ
- หนังเปิดมาด้วยฉากเครดิตแบบการ์ตูน เล่นเอาเหวอเหมือนกัน นั่งเกาหัวเลยว่า “จะมาไม้ไหนฟะ”
- ช่วงแรกของหนังผ่านไปแบบฉับฉับฉับ อย่างที่ผู้กำกับบอกจริงๆ เปิดมาโกโบริกับอังศุมาลินก็เจอกันเลย งอนง้อ ดื้อดึง ถูกฟัน ไปจนถึงแต่งงาน เร็วมากๆ
- ความโหดของภาคนี้คือแม่อังแกไม่มีใจให้โกโบริเลย แถมเกลียดเอามากๆ ด้วย
- ณเดชน์แสดงดี ดูแล้วเคลิ้ม โดยเฉพาะการพูดไม่ชัด กับบทภาษาญี่ปุ่นนี่เนียนจนเชื่อ
- ริชชี่นางเอก ก็ไม่ได้แสดงแข็งขนาดที่หลายคนว่าเอาไว้นะ คงเพราะบทมันตั้งให้แม่อังภาคนี้ไร้หัวใจมากเป็นพิเศษ
- แอบเห็นว่าตัดหลายฉากออกไปเลย บางฉากก็รวมรัดซะจนแบบว่า เฮ้ย เอาแบบนี้จริงๆ เหรอ … อยู่ดีๆ โกโบริก็โดนฟัน .. อยู่ดีๆ แม่อังก็แกล้งตกบันได
- ชอบเรื่องการกำกับภาพมากเลย โดยเฉพาะฉากทิ้งระเบิดที่สะพาน กับฉากแต่งงาน (ดูดีๆ จะรู้ว่าเค้าถ่ายที่ ABAC นะจ๊ะ)
- ไฮไลท์คือ Love Scene ที่ให้เวลาตรงนั้นเกือบ 10 นาที และเป็น 10 นาทีที่ไม่ใช่ตบจูบหรือล้มตัวลงกล้องแพนขึ้นฟ้าแบบในละคร แต่เป็นอาการทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งสับสน ทั้งขมขื่น มันบอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แค่มันอาร์สสสมาก
- ผมชอบณเดชน์ในบทโกโบริ มากกว่าพี่เบิร์ดหรือบี้เสียอีก
- ส่วนอังศุมาลินนี่คิดว่าชอบหนูนา มากกว่ากวางหรืออุ๋มนะ
- มันก็น่าหงุดหงิดพอสมควรที่แม่อังแสนดี น่ารักสดใส แต่เข้มแข็ง ทำไมกลายมาเป็นแม่อังหุ่นยนตร์ ไม่รักพ่อดอกมะลิให้คนดูได้ชื่นใจเลยแม้แต่น้อย
- มารู้เฉลยก็ตอนจบ ที่สุดท้ายแล้วแม่อังก็รักโกโบริมาโดยตลอด ติดอย่างเดียวคือคำสัญญาที่ให้ไว้กับวนัส ชายผู้เป็นที่รักที่รอการกลับมา
- นั่นเลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมประโยคประจำหนังเรื่องนี้ถึงได้เป็น “คุณมีเหตุผลของคุณ ผมมีหัวใจของผม .. ก็พอแล้ว”
- อังศุมาลินยึดอยู่แต่กับเหตุผล เขาพยายามสนใจแค่คำสัญญาที่ให้ไว้
- โกโบริเองก็ไม่สนใจเหตุผลของอีกฝ่าย รู้แค่เขารัก และเรียกร้องความรัก
- วนัสกลับมากลายเป็นผู้ปลดปล่อย ประโยคที่ว่า “ลืมเหตุผลหรือคำสัญญานั้นไปเถอะ ถึงเวลาที่เธอต้องเลือกแล้ว เชื่อพี่เถอะถ้าเธอได้พูดออกมา เธอจะเป็นอิสระ“
- ฉากจบที่แม่อังทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พูดในสิ่งที่โกโบริเคยขอไว้ คือแค่บอกรักเขาก็พอ แค่นั้น
- มันคือคำที่อยู่ในท่อนสุดท้ายของเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่ว่า “รู้ว่าเธอยังคงลังเลอยู่ใช่ไหม คงไม่มีคำใดใด ที่ใจจะเรียกร้อง หากว่าเธอเพียงจะเข้าใจ ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว .. แค่บอกรัก”
- ผมชอบการสร้างโลกคู่กรรมขึ้นมาใหม่ และการตีความแบบนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลของคุณเรียวผู้กำกับ ว่าทำไมต้องรวบรัด ทำไมต้องหุ่นยนตร์ ทำไมต้องจบแบบนี้
- แต่ผมก็เข้าใจคนดูที่มีหัวใจของเขา หลายคนรักโกโบริและอังศุมาลิน โดยหวังจะเห็นความรักแท้ รักแบบคู่กัด รักแบบที่เราต้องร้องไห้เสียดายที่สุดท้ายฝ่ายชายกลับตายจากไป
- และที่สำคัญ คนดูไม่ชอบให้จบแบบ Feel Bad (โว้ยยยย)
- ณเดชน์คือพระเอกตัวจริงของหนัง เอาอยู่ในทั้งความน่ารักแบบพ่อดอกมะลิ และความเป็นชายชาติทหารแบบโกโบริ คือดูจบแล้วคนรักณเดชน์ขึ้นแน่นอน
- ส่วนริชชี่ที่ตกเป็นแพะของหนัง ก็สมควรที่จะถูกวิจารณ์เพราะเธอแสดงแย่จริงๆ ฉากเด็ดตอนจบที่เอาไว้เฉลยความจริงในใจแม่อัง กลับไม่สามารถส่งพลังความรักที่เก็บล้นออกมาได้เลย
ผมชอบความกล้าในการตีความและการสร้างโลกคู่กรรมขึ้นมาใหม่ หนังพยายามโยงให้เห็นจิตใจที่มีแต่ความรักแท้ของโกโบริได้ดีมาก งานสร้างก็ดี ภาพสวย เพลงเพราะ