การแต่งงานไม่ใช่จุดสูงสุดของชีวิตคู่

ปีที่ผ่านมา ผมมีเพื่อนที่แต่งงานกันไปแล้ว ตัดสินใจ “หย่า” กันถึง 4 คู่

ทุกคนอายุเพียง 30 ต้นๆ และเพิ่งแต่งงานกันไปได้แค่ 1-3 ปี น่าตกใจที่หลายคู่ผมได้ไปงานแต่งงานของพวกเขาด้วย ได้เห็นภาพ Pre Wedding หวานแหวว ได้ดูพรีเซนต์งานแต่งน่ารักๆ รวมไปถึงสถานที่จัดงานในโรงแรมหรูหรา

ผมเชื่อเหลือเกินว่ามีหลายคนที่รู้สึกว่า การ “แต่งงาน” ถือเป็นความใฝ่ฝัน เป็นจุดสูงสุดของชีวิตคู่ เพราะส่วนตัวก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน

แต่งงานกันแล้ว ก็จะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต …

แต่เมื่อตัวเองได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว ได้ผ่านการจัดงานแต่งงาน ได้ผ่านการมีเพื่อนฝูงและแขกมากมายมาร่วมยินดีในงานแต่งงานมาแล้ว ได้ผ่านการที่ใครต่างมาบอกว่าอิจฉาจังเลย เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากๆ มาแล้ว

บอกตามตรงว่าตื่นเช้ามาหลังวันแต่งงาน … โลกมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยครับ เรายังคงตื่นเช้าไปทำงาน กลับบ้านกินข้าว นอนดูทีวี เดินห้าง ดูหนัง และใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง

ย้อนกลับไปที่คู่แต่งงานที่เลิกกันไปทั้ง 4 คู่ แว่บแรกที่เรารู้ข่าวเพื่อนเลิกกันคือสงสัย ทำไมต้องเลิกกัน ถามเหตุผลว่าทำไมเพราะอะไร ? พอมันตอบมาปุ๊บเราก็ร้อง โหยแค่นี้เอง ก็ทำแบบนั้นแบบนี้สิ จะได้ไม่มีปัญหากัน ไม่เลิกกัน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครหรอกครับที่เลิกกันด้วยเหตุผลข้อเดียว ทุกคนมีเหตุผลมากมายในการเลือกทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเราก็เคารพการตัดสินใจของทุกฝ่ายนะ ถึงแม้จะเสียดายความรักที่เคยมีให้กัน

สิ่งนึงที่ผมได้เรียนรู้จากการได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่ตัดสินใจจบชีวิตคู่หลังแต่งงานคือ

  • การพูดกันทุกเรื่องอาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหา หลายคู่ที่บอกกันว่าชอบไม่ชอบอะไร แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะได้แค่พูด
  • การตัดสินใจขอแต่งงานในช่วงที่ความรักขึ้นจุดพีคสุด ไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อความรักตกลงมาต่ำสุดและไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้กันมาก่อน
  • เพื่อนและครอบครัวมีส่วนในเรื่องนี้ถึง 30% การรู้จักและเป็นมิตรกับเพื่อน หรือครอบครัวของอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ดี
  • การอยู่ก่อนแต่งช่วยให้ปัญหาน้อยลงได้ แต่ขอย้ำว่าต้องขอให้ผู้ปกครองยินยอมเสียก่อน
  • หลังแต่งงาน อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเกินไป และอย่าไปบังคับให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
  • ทะเบียนสมรสเป็นแค่กระดาษ
  • ถ้าคิดเรื่องขอเลิกกัน ควรบอกอีกฝ่ายให้รู้แต่เนิ่นๆ ถึงแม้มันจะยาก แต่การทนจนถึงที่สุดแล้วค่อยบอก มักจบลงที่การไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แล้วก็เลิกรากันไปจริงๆ 
  • เป็นไปได้ควรแยกครอบครัวออกมาอยู่กันสองคน การอยู่บ้านฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง มักมีปัญหาที่ทั้ง 2 คนแก้เองไม่ได้มากมาย
  • เวลาทะเลาะกัน การขู่ว่าจะขอหย่า ถ้าไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ ไม่ได้ช่วยแก้ให้ปัญหาผ่านไปได้ สุดท้ายจะมีฝ่ายหนึ่งอดทนยอม
  • การกอดและสัมผัสกับคนรักทุกวันช่วยได้ คู่ที่เลิกกันมักขาดสิ่งนี้
  • เรื่องดราม่าน้ำเน่าแบบในละคร มีอยู่จริง
  • ต้องยอมรับว่าสำหรับสังคมไทย ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบถ้าต้องเลิกกับสามี โดยเฉพาะเมื่อต้องเริ่มต้นหาคนใหม่ เพราะฉะนั้นผู้ชายควรคิดให้ดี คุณกำลังจะทำลายชีวิตอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางหวนกลับ

ข้อดีของการได้เห็นเพื่อนๆ เลิกรากันไปทีละคู่ ทีละคู่ ก็คือการได้กลับมามองคู่ของตัวเอง ได้กลับมาคุยกับคนที่เรารักว่า ตอนนี้เราอยู่จุดไหนกันแล้ว ยังรักกันหวานแหววเหมือนก่อน หรือกำลังเริ่มเข้าสู่จุดที่คู่อื่นกำลังจะเจอปัญหา

ถามว่าแล้วเราได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ผมก็คงตอบได้แค่ว่า ..

ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคน
การแต่งงานไม่ใช่จุดสูงสุดของชีวิตคู่

และ …

ในเวลาที่ยังมีกัน ก็จงรักกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ 🙂