สิงคโปร์ถือเป็นบ้านแห่งที่ 2 ของผม ทั้งนี้ก็เพราะแม่ผมเป็นคนสิงคโปร์-มาเลเซีย เรามีญาติๆ อยู่ที่โน่นพอสมควร และช่วงอาทิตย์ก่อนผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่สิงคโปร์เป็นเวลาถึง 4 วันเต็ม
การไปเที่ยวโดยมีคนท้องถิ่นที่เป็นญาติๆ พาชมประเทศ ก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมายที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องที่คาใจผมมานานคือการเปิดบ่อน “คาสิโน” ในประเทศที่คนเกลียดอบายมุขและยาเสพติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
เมืองไทยเราก็เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้มาหลายครั้ง ก็น่าสนใจว่าแล้วที่สิงคโปร์เค้าแก้ปัญหากันอย่างไร รัฐบาลรับมือกับความไม่เห็นด้วยได้ยังไง
Marina Bay Sands
รีสอร์ทและคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศควบคู่ไปกับสิงค์โตทะเล ( Merlion) ซึ่งจากการไปเดินรอบๆ ก็พบว่ามันใหญ่จริงๆ สวยงามและน่าหลงไหล
ผมได้นั่งคุยกับญาติๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็น Trader ในบริษัทต้นๆ ของประเทศ และก็คุยกับครูท่านหนึ่งที่สอนเด็กๆ สิงคโปร์มานานจนตอนนี้ได้รีไทร์ตัวเองแล้ว ความเห็นของทั้งคู่น่าสนใจดี
- เรื่องมันเกิดขึ้นช่วงปี 2004-2005 เมื่อรัฐบาลของสิงคโปร์ ที่ขึ้นชื่อว่าหูตาไวที่สุดประเทศหนึ่ง ได้ออกมาทำนายว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 2008-2010
- สิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย ถ้าคนตกงาน บริษัทต่างชาติหนีไปลงทุนที่อื่น รัฐบาลไม่สามารถหางานให้คนทำได้ จะบอกให้ไปทำนาก็ไม่มีที่ให้ทำ
- รัฐบาลสมัยนั้นพยายามยื้อด้วยการเชื้อเชิญต่างชาติมาลงทุนให้มากขึ้น แต่จีนที่มาแรง ทำให้หนทางเริ่มมืดมน
- “ลีเซียนลุง” นายกรัฐมนตรีเลยตัดสินใจประกาศข่าวช็อคประเทศว่าสิงคโปร์กำลังจะมีบ่อน “คาสิโน” เกิดขึ้น !!
- แน่นอนประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจ มีการดีเบตเรื่องนี้กันเยอะมาก ยิ่งประชาชนไม่พอใจ รัฐบาลก็ยิ่งพบศึกหนัก แม้จะพยายามอธิบายไปแล้วว่ามันจะช่วยให้ประเทศรอดตายได้
- ช่วงนั้นสิงคโปร์เศรษฐกิจเริ่มดิ่งลงตามที่รัฐบาลคาด หลายบริษัทปิดตัวไปเปิดในประเทศค่าแรงถูกกว่า รัฐบาลแก้ปัญหาว่างงานไม่ได้
- สุดท้ายรัฐบาลก็เปิดรับความเห็นของประชาชน ซึ่งมาจากหลายทาง และมีการนำไปพิจารณาจริง
- ความกังวลส่วนใหญ่คือไม่อยากให้ลูกหลานติดการพนัน ไม่อยากให้เห็น ให้เจอ ให้เล่น
- ข่าวร้ายเพิ่มมากขึ้นไปอีก เมื่อมีข่าวคนโดดตึกตายเพราะเล่นการพนันหมดตัว (จากบ่อนที่มาเลย์)
- โชคดีที่อัตราการรู้หนังสือของสิงคโปร์คือ 100% แถมเรียนกันสูงมาก พูดจาด้วยเหตุผลก็เข้าใจ ไม่มีสีเสื้อ ไม่มีการเมือง
- รัฐบาลตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องสร้างคาสิโน 2 แห่ง คือที่เกาะ Sentosa และที่อ่าว Marina Bay
- ท่าไม้ตายที่รัฐบาลใช้คือออกกฏว่า คนสิงคโปร์ที่เข้าบ่อนจะต้องเสียค่าเข้า 100 SGD ต่อการเล่น 24 ชั่วโมง (3,000 บาท) และถ้าจะทำตั๋วปีต้องจ่าย 2,000 SGD (50,000 บาท)
- ต้องอายุเกิน 21 ปี
- คนที่ไม่ได้สัญชาติสิงคโปร์แต่ถ้าอาศัยในประเทศก็ต้องจ่าย
- ห้ามไม่ให้มีการโฆษณาคาสิโนในทีวีหรือ Billboard ตามท้องถนน
- เสริมการเรียนรู้ถึงพิษการติดพนันเข้าไปในบทเรียนสำหรับเด็กๆ
- มีรายการสอนพ่อแม่ให้รู้จักสอนลูกให้ถูกทางด้วย
- คาสิโนที่มาประมูลไป จะต้องแบ่งพื้นที่ให้รัฐบาล 10% เพื่อเอาไปทำอะไรก็ได้ที่เห็นสมควร
- คาสิโนที่ประมูลได้จะมี License เปิดได้เพียง 30 ปี ถ้าหมดแล้วรัฐบาลเปลี่ยนใจอยากทุบทิ้ง ก็ไม่มีสิทธิ์งอแง
- Marina Bay Sands (MBS) ได้รับการประมูล License ไปโดยกลุ่ม Las Vegas Sands และกลายเป็นคาสิโนที่มีมูลค่าในการก่อสร้างสูงที่สุดในโลกคือ 6 พันล้านสิงคโปร์ดอลล่าห์ (150,000 ล้านบาท)
- ระหว่างการก่อสร้าง ปรากฏว่าเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาอย่างที่รัฐบาลคาดไว้จริงๆ ด้วย ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไป แต่ก็ต้องเร่งทำให้เสร็จตามสัญญา
- MBS สร้างงานให้กับประเทศกว่า 20,000 คน มีเพียงส่วนน้อยมากที่ทำงานในบ่อน นอกนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ในโรงแรม, ร้านค้า, ก่อสร้าง, ควบคุม ฯลฯ
- คาดว่า MBS จะทำเงินเข้าประเทศกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ในปี 2015 หรือคิดเป็น 0.8% ของ GDP
- คนในประเทศเข้าไปเล่นน้อยมาก เพราะจ่ายค่าเข้าแพง เข้าไปชิวๆ 3 วันก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางหมื่นบาทแล้ว
- ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่ไปคุยด้วยไม่เคยเข้าคาสิโนเลย แต่จะไปใช้ความบันเทิงอื่นๆ ใน MBS แทน
- สิงคโปร์มีการลงทุนจากต่างชาติสูงมากๆ แต่กับวิกฤติในอเมริกาและยุโรป แทบจะไม่กระทบอะไรสิงคโปร์เลย
- อัตราว่างงานในสิงคโปร์ตอนนี้อยู่ที่ 1% ซึ่งต่ำโคตรๆ
- คนในประเทศเริ่มเข้าใจสิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำ เพราะสองอภิมหาโปรเจ็คนี้สร้างงาน และนำเงินเข้าประเทศได้มาก
- รัฐบาลโปรโมทภาพลักษณ์ของ MBS ในรูปแบบรีสอร์ทพักผ่อน คาสิโนเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ใช้เรียกนักท่องเที่ยว
ผมไม่คิดว่าเมืองไทยเราจะได้สร้างคาสิโน แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้ามีจริง การเอาตัวอย่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่นั่งเครื่องไม่ถึง 3 ชั่วโมงนี้ ก็น่าจะช่วยให้เห็นภาพอะไรมากขึ้น
คาสิโนเป็นสิ่งที่อันตรายสำหรับประเทศที่การศึกษาน้อย ประชาชนขาดระเบียบวินัย แต่ถ้ามีการจัดการที่จริงจัง ถ้าต้องการเงินจากต่างประเทศจริง มันก็มีวิธีที่ควบคุมได้ แถมคุมบ่อนอย่างเป็นทางการ ยังคุมง่ายกว่าบ่อนเถื่อนเสียอีก
ซึ่งเงิน 40 SGD หรือประมาณ 1 พันบาทที่ผมกำเข้าไปลองเสี่ยงโชคในคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ก็พบว่า …
เงิน 1 พันลอยไปในอากาศ ในเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง … เอเมน =___=