บรรยากาศงานหมั้นของ @Khajochi กับ @CherryJaja

บันทึกกึ่งไดอารีงานหมั้นของผมกับเชอรี่

คืนก่อนงาน

จากประสบการณ์ที่เคยเห็นพี่ๆ วุ่นวายกับวันก่อนงานมากคนไม่ค่อยได้นอน พอเช้ามาเลยกลายเป็นซอมบี้ยิ้มแฉ่ง เพราะงั้นคืนก่อนงานหมั้นผมกับเชอรี่ (@CherryJaja) เลยพยายามบอกตัวเองว่าต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นมาแต่งหน้าตอนตี 3 ครึ่ง !!

แต่ 4 ทุ่มก็แล้ว 5 ทุ่มก็แล้ว มันก็ยังมีอะไรต้องทำมากมาย .. จนสุดท้ายเราก็ต้องนอนตอนเที่ยงคืนจนได้ T_T

เชอรี่ vs เชอรี่

ณ เวลาตี 3 ครึ่ง ซอมบี้สองตนกำลังเดินสลึมสลือไปที่ร้านแต่งหน้าข้างล่างโรงแรม Pullman นั่งรอไม่นานพี่ช่างแต่งหน้าก็มาถึง ทักทายกันพองาม แล้วก็เริ่มแต่งหน้าโดยเริ่มจากเจ้าสาวก่อน ทุกอย่างดูจะไม่มีอะไร จนกระทั่ง …

“ตึง !! เจ้าสาวมาแล้วค่ะพี่ สวัสดีค่ะ” สาวนิรนามท่านหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

ผมกับเชอรี่มองหน้ากันงงๆ แต่ที่ดูจะงงที่สุดคงเป็นพี่ช่างแต่งหน้า ที่หยุดชะงัก แล้วก็หันไปหาสาวที่กำลังเดินเข้ามา จากการสอบถามก็ได้ความว่า พี่สาวคนที่เดินเข้ามานั้นมีนัดแต่งหน้าเจ้าสาวตอนตี 3 ครึ่งเช่นกัน … เจ้าสาวสองคนนัดแต่งหน้าชนกัน !!

เรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? จากปากคำของพี่ช่างแต่งหน้่าก็ได้ความว่าคนที่โทรนัดช่างทั้งสองคนชื่อเชอรี่เหมือนกัน แต่งวันเดียวกัน เลยทำให้ช่างแต่งหน้าสับสน เข้าใจว่าทั้งสองเป็นคนๆ เดียวกัน (อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น)

แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมานั่งคิดอะไรทั้งสิ้น ทางออกเดียวของเรื่องนี้คือเราจะต้องต้องเร่งแต่งหน้ากันแบบ Core i7 Super Power Up !!

งานหมั้น

หลังจากแต่งหน้ากันเสร็จแล้ว เชอรี่ก็แยกย้ายกลับไปที่อำเภอบ้านไผ่ บ้านของเจ้าสาว ส่วนผมก็กลับบ้านไปเตรียมขบวนแห่ขันหมากกับพ่อแม่ที่บ้าน

8.00 – พระอาทิตย์ขั้นแล้ว ได้เวลานัดกับแขกผู้ใหญ่ที่จะมาร่วมขบวนแห่ วันนี้ทุกคนดูสดชื่นเป็นพิเศษยกเว้นเจ้าบ่าวที่ได้นอนมาแค่ 3 ชั่วโมง ก่อนที่พวกเราจะขึ้นรถไปที่บ้านเจ้าสาว ท่านแม่ผมเดินมาคุยด้วย ซักพักก็กรี๊ดลั่น

“อร๊ายยยยย … สูทเจ้าบ่าวขาด !!”  O_o”

ผมหันลงไปมองที่เสื้อสูทเพิ่งตัดใหม่ แล้วก็พบว่ามันขาดจริงๆ เป็นแนวยาวมากบริเวณตะเข็บขวา ก็เลยนึกขึ้นได้ว่ามันขาดตั้งแต่ตอนเอาไปถ่ายรูป Pre Wedding แล้ว แต่ผมลืมเอาไปแก้ที่ร้านเอง [ในห้วงความคิด: ชิปหายแล้วววว]

เช่นเคย ไม่มีเวลาคิดอะไร เราต้องหาทางแก้ไขด่วน ด้วยการเย็บสดด้วยความไว Core2Duo 3 นาทีเสร็จ เนียนสนิทจนไม่มีใครรู้ (ถ้าไม่ได้มาอ่านบล็อกนี้ แหะๆ ^^”)

ภาพตัดมาที่บ้านเจ้าสาว ทุกคนวิ่งวุ่น แม่เจ้าสาวทั้งวิ่ง ทั้งโทรศัพท์ ทั้งยกไม้ยกมือ โต๊ะจีนมาแล้วแต่ไม่มีที่ให้ทำอาหาร, แขกผู้ใหญ่มาแล้วแต่ให้จอดรถตรงไหน, เครื่องเสียงมารึยัง, ใครจะโทรคุยกับขบวนเจ้าบ่าวที่กำลังมา ฯลฯ

ทุกอย่างดูสับสนอลหม่าน สบกับเป็นงานหมั้นแบบง่ายๆ จริงๆ โชคดีที่ในความวุ่นวายนั้นทุกคนก็มีแต่รอยยิ้ม มองไปทางไหนก็แต่งตัวหล่อสวยกันทั้งนั้นเลย 🙂

8.20 – ขบวนรถของเจ้าบ่าวมาถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว เริ่มจัดเตรียมของตั้งขบวนกันอย่างรีบเร่ง เพราะฤกษ์สวมแหวนคือเวลา 9.09 น.

ธีมงานนี้สีชมพู ก็จะเห็นชุดชมพูกันหลายท่านเลย

เริ่มขบวนแห่ขันหมาก โชคดีได้ @Oweera พี่ชายผมช่วยโห่~~~~ เสียงดีมากมาย

เข้ามาถึงในบ้านก็มีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวมาต้อนรับ พอได้เวลาเจ้าสาวก็ลงมา วันนี้เธอสวยที่สุดเลย <3

สินสอดที่ฝ่ายชายยกมามีเงินสด 888,444 บาท (เป็นเลขที่บ้านฝ่ายชายชอบ) และก็แก้วแหวนเงินทอง

9.09 น. ได้ฤกษ์สวมแหวน ผมสวมให้เชอรี่ก่อน จากนั้นเชอรี่ก็สวมให้ผม แต่ปรากฏว่าใส่ไม่เข้า ก็ใช้เวลาดันอยู่หลายวินาที เล่นเอากองเชียร์ถอนหายใจเฮือก !!

ป้อนบัวลอย เคล็ดลับคืออย่าป้อนเยอะ เพราะใช้เวลาเคี้ยวนาน ป้อนพอเป็นพิธีก็พอ

รับพรจากผู้ใหญ่และพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย จากนั้นพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวก็เก็บสินสอดขึ้นไปบนบ้าน ต้องทำท่าแบกหนักๆ ด้วย (คุณพ่อตาตะโกนว่าหนักมากกก จนทุกคนฮา)

เนื่องจากเป็นพิธีผสมระหว่างไทยและจีน ทางเราจึงจัดพิธีหมั้นไว้ช่วงแรก (แห่ขันหมาก, สวมแหวน, ป้อนบัวลอย) หลังจากนั้นก็เป็นพิธีแต่งงาน (เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวไปอยู่ด้วย, กั้นประตูเงินประตูทอง, ยกน้ำชา)

การฝ่าประตูเงินประตูทองนั้น เป็นช่วงที่เจ้าบ่าวทุกคนลำบากใจที่สุดเลย สำหรับผมปัญหาไม่ใช่เรื่องซองหรือจำนวนประตูครับ แต่เป็นเพราะน้องๆ เพื่อนๆ เจ้าสาวแต่ละคนที่กั้นประตูนั้นแสบสันและช่างหาอะไรมาให้เจ้าบ่าวทำเสียเหลือเกิน ><“

ด่าน 1: มอบซองเฉยๆ ไม่มีอะไร
ด่าน 2: ให้ตะโกนบอกรักเชอรี่ จนกว่าจะได้ยินทั้งบ้าน
ด่าน 3: ทำท่าทางบอกรักเจ้าสาว
ด่าน 4: ให้พูดอะไรซึ้งๆ แล้วก็ส่งจูบให้เจ้าสาว
ด่าน 5: ให้ทำอะไรก็ได้ จนกว่าเจ้าสาวจะยอมให้ผ่าน

บรรยากาศเป็นอย่างไร ลองดูได้จากวิดีโอครับ >/////<



เจ้าสาวซึ้งจนขี้แยเลยทีเดียว

หลังจากยกน้ำชาเสร็จสิ้น ก็ถึงช่วงสายแล้ว เราทั้งสองก็เชิญแขกมาร่วมรับประทานอาหาร (โต๊ะจีน) บนเวทีก็มีพิธีกรเชิญเจ้าภาพมาขอบคุณแขกทุกท่าน แล้วก็ปิดท้ายด้วยการให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวร้องเพลงหนึ่งเพลง

เราสองคนไม่รู้จะเลือกเพลงอะไรดี ก็เลยเลือก “เล็กๆ น้อยๆ” ของปั่น ไพบูลย์เกียรติ (เลือกเพลงบ่งบอกอายุมาก)

จากนั้นก็เดินถ่ายรูปกับแขกในงานตามโต๊ะต่างๆ

สุดท้ายก็ไหว้เจ้า และกราบลาพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาว เพื่อไปส่งตัวที่เรือนหอที่ขอนแก่นต่อไป

เนื่องจากเรือนหอจริงนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ เราจึงจองห้องพิเศษที่โรงแรมใช้เป็นห้องส่งตัวเจ้าสาวแทน โดยมีน้องๆ ของเจ้าสาวถือตะเกียงกับเซฟมาส่ง

จบแล้วคร๊าบบบบบ งานผ่านไปได้ด้วยดี (มาก) ทุกคนมีความสุข เป็นงานที่มีแต่รอยยิ้มและชื่นมื่นจริงๆ ดูรูปทั้งหมดได้ที่ Photo Album ใน Google+

ติดตามตอนต่อไป งานแต่งงานที่กรุงเทพฯ ณ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555  ^__^

Related Link