เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้รับ message จาก Dtac ให้ลองมาช่วยทดสอบระบบ 3G ของ Dtac ซึ่งก็ตามประสาบล็อกเกอร์ทั่วไปที่ไม่ปฏิเสธการได้ลองใช้อะไรใหม่ๆ แบบนี้อยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่า 3G ของ Dtac จะถูกแมวเตะตัดขาจนไม่รู้ว่าจะได้ใช้กันนานแค่ไหนก็เถอะ
ส่วนตัวแล้วผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ Dtac คนนึง จากการใช้บริการมาอย่างยาวนาน รวมทั้งประทับใจบริการที่สุดยอดเมื่อตอนได้ต่อคิวซื้อ iPhone 4 แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการทดสอบจะต้องมาอวยกันแต่ประการใด
Note: ออกตัวไว้ก่อนว่านี่เป็นการทดสอบในระดับผู้ใช้เท่านั้น ไม่ได้มีความละเอียดขนาดนำไปอ้างอิงหรือชี้ชัดอะไรได้ครับ
:: เริ่มใช้ 3G ::
สำหรับผู้ใช้ iPhone 4 การเปิดใช้ 3G นั้นก็ง่ายมาก ไปที่ Setting – General – Network และกดเปิดปิด 3G ซึ่งเป็นปุ่มที่อยากจะกดมันมานานมากแล้ว แต่ไม่มีบุญได้กดมันเสียที
เปิดเสร็จระบบจะตัด Edge แล้วใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที ก็จะมีสัญลักษณ์ “3G” โผล่ขึ้นมา ให้ดีใจน้ำตาไหลโฮกๆ กันไป ToT
สิ่งแรกที่ทำก่อนอื่นเลยคือทดลองทดความเร็ว ซึ่งผมเลือกใช้แอพของ Speedtest.net ซึ่งให้ข้อมูลที่โอเคและ export ออกมาได้ และหลังจากกดปุ่มทดสอบแล้วก็ได้พบความเร็วที่น่าตกใจโฮก คือเร็วถึง 4 Mbps !!
ถ้าสงสัยว่าเร็วแค่ไหน ลองดูรูปเปรียบเทียบความเร็วข้างล่างนี้ครับ
จากรูปที่เห็นคือความเร็ว Download และ Upload เปรียบเทียบกันระหว่าง Edge, 3G และ Wifi (ที่บ้านผมใช้ True Internet 7 Mbps)
จะเห็นว่า Edge ที่เราๆ ท่านๆ ทนใช้กันอยู่ทุกวันนี้นี่มันเร็วแค่ 0.13 Mbps แต่ 3G นั้นเร็วกว่า 30-40 เท่า !! เลยทีเดียว และถ้าเทียบกับ Wifi เองก็ต่างกันแค่ 1-2 เท่า
:: ทดสอบความเร็ว ::
หลังจากนั้นลองใช้ชีวิตหลายอย่างที่ไม่เคยทำบน Edge แต่จะลองมาใช้บน 3G ดู เริ่มจาก
1. โหลดเกมส์ ซึ่งกรณีนี้คือ Cut The Rope เวอร์ชันใหม่ขนาด 16 MB ใช้เวลาโหลดทั้งหมด 4 นาที (สังเกตุว่าแบตไม่ลดเลยซักเปอร์เซ็นต์ อันนี้ต้องชาบูๆ ไอโฟน)
2. ดูคลิปบน Youtube แบบ HD ซึ่งพอดีว่าเห็นเพื่อนแชร์วิดีโองานเปิดตัวคอนเสิร์ต Raptor เลยกดเข้าไปดูทันที พบว่าสามารถดูวิดีโอ HD ความยาว 7 นาทีได้โดยไม่กระตุกเลย (ใช้เวลา buffer 10-15 วินาที)
3. ดูข่าวเป็นวิดีโอ คือปกติทุกเช้าระหว่างทางไปทำงาน ผมจะนั่งอ่านข่าวค่อนข้างเยอะ และจะหงุดหงิดเสมอถ้ามีข่าวที่เป็นภาพวิดีโอ ครั้งนี้เลยลองดูข่าวม๊อบที่อังกฤษผ่านทาง Voice TV ระหว่างยืนอยู่บน BTS ซึ่งก็ดูได้ไม่กระตุกเลยเช่นเดียวกัน (วิดีโอ HD บน HTML5)
4. มี 3G เอาไว้โชว์ชาวบ้าน เลยขอท้าเพื่อนที่ใช้ AIS 3G มากด Speedtest เทียบกันเห็นๆ ไปเลยว่าใครเร็วกว่า ปรากฏว่า Dtac Download ได้เร็วกว่า แต่ AIS Upload ได้เร็วกว่า (ทดสอบที่ตลาดสามย่าน)
ซ้าย Dtac ขวา AIS |
จริงๆ แล้วความเร็วมีหลายปัจจัยมากมายที่จะต้องมาคิด โดยเฉพาะเรื่องความหนาแน่นของผู้ใช้ เนื่องจากเป็นช่วงทดสอบ มีคนใช้ไม่กี่คน ทำให้วัดผลได้ยาก แต่จากที่ทดลองใช้มาตลอด 1 อาทิตย์ก็จะได้ความเร็ว 1.5 – 4 Mbps ตลอดครับ
:: ความเสถียรของระบบ ::
อันนี้ผมว่าอาจจะน่าสนใจกว่าความเร็วซะอีก ซึ่งก็ทดสอบด้วยวิธีหลายแบบเช่นเดียวกัน
1. ทดสอบความเร็ว 3G ในที่เดิมจุดเดิม ต่างวัน เวลา โดยทดลองจับความเร็วทุกเช้าก่อนเข้าตึกที่ทำงาน ตอนเที่ยงลงมากินข้าว และตอนเย็นก่อนกลับบ้าน พบว่าความเร็ว(ย่านสีลม) เท่าๆ กันคือ 1.2 – 2 Mbps ซึ่งไม่เหวี่ยงมากนัก อันนี้ก็น่าพอใจระดับหนึ่ง คือไม่ใช่ว่าบางวันวิ่งปรู๊ด บางวันไม่มีสัญญาณ
2. ทดสอบใช้ 3G ขณะเคลื่อนที่ไปด้วย โชคดีว่าสัปดาห์ที่แล้วมีต้องเดินทางไปโน่นนี่ในกทม.บ่อย ทดสอบโดยเล่นเน็ต โหลดโปรแกรม ดูวิดีโอ ระหว่างนั่ง BTS หรือ Taxi
ซึ่งก็ได้ผลว่า เน็ตหลุดบ่อยมาก ความเสถียรค่อนข้างต่ำ คือถ้าช่วงไหนรถวิ่งผ่านจุดไม่มี 3G หรือสัญญาณต่ำ ระบบจะตัดมาที่ Edge ทำให้บางทีสิ่งที่โหลดอยู่ก็หลุดไปดื้อๆ
นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ Data แต่รวมไปถึงการโทรศัพท์ด้วยเสียง ที่หลังจากเปลี่ยนมาใช้ 3G พบว่าสายหลุดค่อนข้างบ่อย และมีคนแถวนี้บ่นว่าโทรหาเราไม่ติดบ้าง ผิดกับตอนที่ใช้ Edge
อันนี้เข้าใจว่าเพราะเสาสัญญาณอาจจะยังไม่มากพอ แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรต้องแก้ไขครับ
:: สรุป ::
- ประสบการณ์ใช้ 3G เป็นเรื่องที่เยี่ยมไปเลย
- ความเร็วของ Dtac 3G เข้าขั้นเร็วมาก เคยจับได้สูงสุด 5.4 Mbps และต่ำสุด 1.2 Mbps
- ต้องรอดูว่าถ้าผู้ใช้มีจำนวนมากขึ้น ความเร็วจะตกลงไปแค่ไหน แต่ถ้าลดลงไม่เกิน 30% ก็ถือว่าผ่านครับ
- แต่จำนวนเสาสัญญาณค่อนข้างน้อย บางที่หาคลื่นไม่ได้
- ถ้าใช้ระหว่างเดินทาง ค่อนข้างจะยังมีปัญหาอยู่
- แต่ถ้าพื้นที่ไหนมีสัญญาณดี ก็จะเร็วคงที่ ไม่มีปัญหาเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า
อนาคตต่อไป ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือก็จะกลายเป็น ISP รายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแน่นอน ความเร็ว Data บนโทรศัพท์จะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเราแทบจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ADSL อีกต่อไป ซึ่งก็จะไปกดดันท่าน True Internet, 3BB, TOT ให้เพิ่มความเร็ว เลิกกั๊กกันได้ซะที (ขอโทษนะครับ ผมใช้ Free Wifi บนแมคโดนัลด์ที่ญี่ปุ่นได้ความเร็ว 10 Mbps)
ถามว่าควรใช้ไม๊ ? ตอบได้เลยว่าถ้ามีตังค์จ่ายก็ใช้ไปเลยครับ เหมือนคุณมี Wifi ติดตัวตลอดเวลา คือพอใช้แล้วจะรู้สึกไม่อยากกลับมาใช้ Edge อีกเลย อันนี้พูดจริงๆ ไม่ได้กระแด่ะ
แต่ถ้าคุณไม่ได้เสพข้อมูลรูปภาพ วิดีโอ ข้อมูลจำนวนมากมายอะไร Edge ก็เป็นทางเลือกที่ยังใช้ได้ และราคาไม่แพงครับ