แอปเปิลเปิดตัว Firmware ของไอโฟน 3.0 พร้อมความสามารถใหม่ๆ หลายตัวที่น่าสนใจ แต่เปิดให้ทดสอบได้เฉพาะนักพัฒนาโปรแกรมเข้ามาทดสอบก่อนเท่านั้น พอดีผมเป็นสมาชิกของ iPhone Developer อยู่แล้ว (ค่าสมัคร $99) ก็เลยมีโอกาสได้ลองทดสอบความสามารถใหม่ๆ ของไอโฟน 3.0 และก็ตัว SDK ไปพร้อมๆ กัน
เนื่องจากผมไม่ได้ใช้ไอโฟน 3G เลยไม่สามารถทดสอบ MMS และหูฟัง Bluetooth ได้ รวมทั้งโปรแกรมที่มีอยู่ในตอนนี้ยังไม่รองรับความสามารถใหม่ๆ อย่าง Push Notification หรือ Peer to peer จึงได้เพียงทดสอบความฟังก์ชันหลักๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องของภาษาไทย !!
iPhone Firmware 3.0 Beta
เช่นเดียวกับปีที่แล้วในช่วงเดือนมีนาคม ที่แอปเปิลเปิดให้นักพัฒนาโปรแกรมลองได้ใช้งานและเขียนโปรแกรมเพื่อทดสอบความสามารถใหม่ๆ ของ Firmware กันก่อนใคร หลังจากที่เข้าไปในเว็บของ iPhone Developer Program ที่ต้องขอชมเลยว่าทำเว็บได้ดีมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ข้อมูลกับนักพัฒนาโปรแกรม คือข้อมูลแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Firmware, SDK, เอกสารต่างๆ, API, Sample Code หรือแม้แต่วิดีโอแนะนำการใช้งาน ก็ทำได้ดีและละเอียดมาก เรียกได้ว่าสวรรค์เลยทีเดียวสำหรับโปรแกรมเมอร์ (เทียบกับตอนเปิดตัว Java เวอร์ชันใหม่นี่คนละเรื่องเลย)
- iPhone Firmware 3.0 มีขนาด 234 MB
- SDK มีขนาด 2.2 GB หลังจากลงบนเครื่องแล้วจะมีขนาด 6 GB !!
- ในเอกสารระบุว่าถ้าลง Firmware 3.0 แล้วจะไม่สามารถถอยกลับไป Firmware 2.0 ได้ (แต่ผมลองแล้วได้)
ภาษาไทย
หลังจากที่ทาง TrueMove ได้จัดจำหน่ายไอโฟนในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ เราก็เริ่มเห็นประเทศไทยในแผนที่โลกของแอปเปิลมาขึ้นเรื่อยๆ เรื่องดีที่ควรจะทดสอบอย่างแรกในไอโฟน 3.0 เลยก็คือเรื่องของภาษาไทย !!
สำหรับการตั้งค่าภาษาไทยมีอยู่ 3 อย่าง คือ คีย์บอร์ด, ภาษา และการแสดงวันเวลาต่างๆ
เริ่มจากการเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาไทย หลังจากตั้งค่าแล้วไอโฟนจะ restart เครื่องครั้งนึง หลังจากนั้นหน้าจอการแสดงผล, เมนูต่างๆ หรือแม้แต่หน้าต่าง pop up ก็จะเปลี่ยนเป็นภาษาไทยทั้งหมด ดังรูป
เท่าที่ทดสอบดูพบว่าการแสดงผลเกือบทั้งหมดได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยไว้แล้ว จะมีเพียงชื่อเฉพาะหรือชื่อบริษัทที่ยังเป็นภาษาอังกฤษอยู่ เช่น YouTube, iPod, iTunes, Safari ทั้งนี้นอกจากเมนูแล้ว หน่วยวัดต่างๆ ก็เป็นภาษาไทยด้วย เช่น วัน เดือน ปี
ในส่วนของคีบอร์ดภาษาไทยที่รอคอยกันมานาน ก็มีให้ใช้แล้วในที่สุด เพียงแต่ที่ต่างจากคีย์บอร์ดไทยในโปรแกรมอื่นๆ ก็คือการวางตัวอักษรจะต่างออกไป อธิบายค่อนข้างลำบาก ต้องลองดูในรูป แล้วมองลงมาเทียบกับคีย์บอร์ดที่เราใช้พิมพ์อยู่จริงๆ จะเข้าใจ
จะเห็นว่าแอปเปิลลดรูปคีย์บอร์ดจาก 4 แถวมาเหลือ 3 แถว เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดภาษาอื่นๆ บนไอโฟน โดยเอาแถวกลางที่เป็นสระและวรรณยุกต์ทั้งหลายออกแล้วเอาตัวอักษรทั้งหมดมาเรียงใหม่สลับฟันปลา ซึ่งก็ทำให้งงพอสมควร แต่ที่ยากกว่านั้นอีกคือเนื่องจากตัวอักษรไทยเยอะมาก ทำให้บางตัวที่ปกติเราไม่ต้องกด shift ในการพิมพ์ กลับจะต้องกด shift ด้วย เช่น ฟ. ฟัน และ ฝ. ฝา
ตรงนี้ผมคิดว่าคีย์บอร์ดไทยน่าจะต้องมีการปรับปรุงพอสมควร เพราะการใช้งานค่อนข้างยาก ผมลองพิมพ์อยู่หลายนาทีเพื่อสร้างความคุ้นเคย แต่ก็พบว่าทำได้ยาก
คีย์บอร์ดในแบบแนวตั้งกับแนวนอนจะได้ค่าเหมือนๆ กัน
ส่วนการใช้วรรณยุกต์ก็กดไปที่ปุ่มข้างซ้ายของ space จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เลือกวรรณยุกต์อีกที อันนี้ก็ทำให้ใช้ง่ายและก็เข้าใจได้ไม่ยาก
นอกจากคีย์บอร์ดแล้วแอปเปิลยังทำ auto complete ภาษาไทยให้ด้วย อย่างในรูปผมพิมพ์คำว่า “ทหาน” ก็จะมีหน้าต่างแนะนำคำที่ถูกขึ้นมาให้ว่า “ทหาร” ซึ่งเท่าที่ลองพิมพ์ผิดหลายๆ แบบดูก็พบว่าใช้ได้ดีและมีประโยชน์พอสมควรเลยทีเดียว
Copy, Cut & Paste (ตัด, คัดลอก และแปะ )
มาถึงฟีเจอร์ที่ไอโฟนโดยชาวบ้านเยาะเย้ยมาตลอดว่าง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ในที่สุดก็มีเสียทีในไอโฟน 3.0 ซึ่งแอปเปิลก็ทำให้การ Copy & Paste ทำได้ง่ายและก็เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ คือกดแท็บสองครั้งและกดแช่ในครั้งที่สอง ก็จะมีตัวเลือกขึ้นมาและตัวอักษรก็จะถูกเลือกไฮไลท์ไว้ จากนั้นเราสามารถลากจุดต้นและจุดปลายให้ย่อหรือขยายได้
ผมลองใช้สองนิ้วพร้อมๆ กัน ก็สามารถทำการย่อและขยายส่วนที่ไฮไลท์ได้เหมือนกัน
เราสามารถ Copy & Paste ได้ในแทบจะทุกโปรแกรม เช่นเอาข้อความในโน๊ตมาใส่ในอีเมล์ หรือตัวเลขในเครื่องคิดเลขมาใส่ใน sms
ผมลอง Copy ข้อความจากในเว็บมาใส่ในอีเมล์ พบว่าเราจะได้ทั้งข้อความ ขนาด สี รูปภาพ หรือแม้แต่ลิงก์ก็จะมาด้วย และเมื่อเปิดดูในเมล์ที่ส่งมาก็ได้ข้อความอย่างที่ส่งมาจริงๆ ซึ่งน่าประทับใจมาก
Undo & Redo
แอปเปิลเพิ่มวิธีการสั่งงานบนมือถือแบบใหม่เข้ามาอีกแล้วคือการเขย่าเครื่องเพื่อเปิดเมนู Undo & Redo คือเมื่อเราพิมพ์ข้อความหรือ Paste อะไรเข้าไปแล้วต้องการย้อนกลับไปเหมือนเดิม ก็ทำได้โดยการเขย่า (ไม่ต้องแรงมาก) 1 ครั้ง ก็จะมีเมนูให้เลือกดังรูป
เท่าที่ทดสอบพบว่าเราสามารถทำ Undo และ Redo ได้หลายครั้ง และนอกจากนั้นผมลองเปิดโปรแกรมแรก และสลับไปใช้โปรแกรมที่สอง หลังจากนั้นก็กลับมาที่โปรแกรมแรกใหม่ พบว่าเราก็ยังสามารถทำ Undo และ Redo บนโปรแกรมแรกได้เหมือนเดิมปกติ
นอกจากนี้ถ้าเราเขย่าเครื่องตอนที่เล่นเพลง ก็จะเป็นการเปลี่ยนเพลงไปด้วย เหมือนกับ iPod Nano
Spotlight
เป็นอีกฟีเจอร์นึงที่น่าจะมีประโยชน์มากๆ คือการค้นหาทุกๆ อย่างที่อยู่ในไอโฟนขึ้นมาเพื่อใช้งาน ที่บอกว่าทุกอย่างนี่คือแทบจะทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์, เพลง, ภาพยนต์, หนัง, อีเมล์, ตารางนัดหมาย, รูปภาพ รวมไปถึงโปรแกรมอื่นๆ ที่เอามาลงบนเครื่องเพิ่มก็สามารถค้นหาได้
วิธีใช้งานคือในหน้า Home Screen เราจะสามารถเลื่อนไปทางซ้ายได้อีก 1 หน้า แล้วก็จะเข้าสู่หน้าจอการค้นหา จากนั้นเมื่อเราพิมพ์อะไรลงไปก็จะมีผลของการค้นหาออกมาทันที โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Search ก็ได้ และเราสามารถกดไปที่ผลการค้นหานั้นๆ เพื่อเปิดดูได้
จากที่ทดสอบดู สามารถค้นหาได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอื่นๆ แล้วก็แสดงผลได้เร็วดี แต่ก็จะมีช้าบ้างเวลาที่กดไปที่โปรแกรมที่ต้องการจะเปิดจริงๆ
นอกจากนี้ในทุกๆ โปรแกรมก็จะมีช่องให้ค้นหาอยู่ข้างบนด้วย ซึ่งที่ชอบมากๆ คือเวลาที่เข้าโปรแกรมเมล์ แล้วกดค้นหาอะไรซักอย่าง นอกจากจะได้ผลของอีเมล์ที่อยู่ในเครื่องแล้ว ไอโฟนจะเข้าไปหาเมล์ที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์เมล์จริงๆ ด้วย
SMS & MMS
ไม่มีอะไรมากไปกว่าลบและส่งต่อ SMS ได้เหมือนชาวบ้านเสียที และถ้าเราเลือก SMS 2 ข้อความและกด Forward ก็จะได้ SMS ที่มี 2 ข้อความรวมกัน
อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่า MMS ทดสอบไม่ได้ครับเพราะไม่ได้ใช้รุ่น 3G
Auto Fill
เราสามารถเลือกได้ว่า เวลาที่เข้าไปกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในเว็บ ให้ Safari ทำการกรอกข้อมูลให้อัตโนมัติ โดยดึงข้อมูลจากใน Contact ของเรา เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล์ ซึ่งก็ช่วยลดเวลากรอกข้อความซ้ำๆ ได้
Voice Memo
เราสามารถอัดเสียงที่พูดอยู่หรือเวลาที่คุยโทรศัพท์ได้เหมือนมือถือทั่วไป แต่ที่ไฮโซหน่อยคือเสียงที่อัดเราสามารถตัดต่อ และส่งเป็นอีเมล์ออกไปได้ด้วย
ความสามารถอื่นๆ
นอกจากแสดงราคาหุ้นแล้วก็สามารถเปิดดูข่าวที่เกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ได้
ส่งรูปทางเมล์ได้หลายรูปพร้อมๆ กัน
แสดงรายละเอียดการโทรเข้าและออกมากขึ้น
สรุป
- ภาษาไทยใช้งานได้ดี แต่คีย์บอร์ดยังต้องปรับปรุง
- Copy & Paste, Undo & Redo ใช้งานง่ายและได้ผลดี
- Spotlight มีประโยชน์มาก แต่ก็ช้าพอสมควร
- ถึงแม้จะเติมเต็มในหลายๆ ด้านแต่ก็ยังขาดความสามารถทั่วไปที่มือถือเครื่องอื่นๆ มีอย่างเช่น การถ่ายวิดีโอ หรือการเปิดหลายๆ โปรแกรมพร้อมกัน
- ค่อนข้างช้าและยังมีบั๊กต้องแก้เยอะพอสมควรก่อนจะเปิดตัวจริง
ไอโฟน Firmware 3.0 จะเปิดตัวช่วงกลางปีนี้ ซึ่งก็คงมาพร้อมๆ กับหลายต่อหลายโปรแกรมที่เปิดตัวพร้อมกับความสามารถใหม่ๆ โดยส่วนตัวคาดว่าแอปเปิลอาจจะเปิดตัว Firmware ใหม่นี้พร้อมๆ ไปกับไอโฟนรุ่นใหม่ เหมือนกับปีที่แล้วที่เปิดตัวไอโฟน 3G ในงาน WWDC .. ฟันธง !!