บันทึกว่าที่คุณพ่อ กับบรรยากาศในห้องผ่าคลอดโรงพยาบาล BNH

4 พฤษภาคม 2558 – ก่อนคลอด 1 วัน

คืนก่อนวันกำหนดคลอด วันนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วสำหรับต้อนรับสมาชิกใหม่ที่จะมาอยู่ที่บ้าน

ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายก่อนคลอด สองว่าที่พ่อแม่ก็ยังคงวุ่นกับการเตรียมอุปกรณ์ทั้งหลายให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้

เตียงพร้อม, ที่อาบน้ำพร้อม, ผ้าอ้อมพร้อม, ตู้เสื้อผ้าเด็กพร้อม, อุปกรณ์ดูแลเด็กพร้อม … แต่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่พร้อม !! >__<

ด้วยความที่เราสองคนเป็นคนไม่ถือเรื่องโชคลางใดๆ เราซื้อของมารอลูกล่วงหน้า เราเลือกวันคลอดลูกตามที่เราสองคนสะดวกและโรงพยาบาลมีคิวว่าง เราเลือกวันที่ 5 พ.ค.เป็นวันคลอดเพราะช่วงเวลากำลังดี เป็นวันหยุดที่เดินทางสะดวก และคุณหมอก็มีคิวว่างด้วย

ช่วงเย็นผมพาเชอรี่ไปซัด MK สุกี้หม้อใหญ่ พร้อมสระผมด้วย เพราะหลังจากนี้จะไม่ได้สระผมอีกซักพัก รวมถึงต้องอดข้าวอดน้ำก่อนจะคลอด

เนื่องจากว่าเราเลือกเวลาคลอดตอนเช้า 9.09 นาที ทางโรงพยาบาลเลยใจดีให้ไปนอนที่ห้อง 1 คืนฟรี ว่าแล้วก็เก็บของทุกอย่าง พร้อมไปนอนรพ.นาน 4 วันเต็มๆ

22.00 มาถึงโรงพยาบาล BNH มีเจ้าหน้าที่มาดูแล เข็นของทุกอย่างจากรถมาให้พร้อม

มีพยาบาลมาอธิบายขั้นตอนต่างๆ พร้อมแบบฟอร์มการเข้าพักเล็กน้อย รู้สึกดีเหมือนอยู่โรงแรมเลย 5555

พอมาที่ห้องพัก พวกเรารีบจัดแจงของทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อนอนไวๆ บอกตัวเองว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญที่สุดครั้งนึงในชีวิตแล้วนะ …

ร้องไห้ทั้งคืน

โรงพยาบาลเวลาค่ำคืนนั้นเงียบมาก เงียบจนน่ากลัว เชอรี่ไม่กล้านอนบนเตียงผู้ป่วย เลยขอลงมานอนที่โซฟากับผม 2 คน

เรานอนกอดกันทั้งคืน แม้จะไม่ได้พูดออกไป แต่ความรู้สึกมันก็ปิดกันไม่ได้ … ไม่นานนักเชอรี่ก็ร้องไห้ออกมา

ความน่ากลัวของคืนก่อนวันคลอดมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เชอรี่กลัวการผ่าตัด กลัวเจ็บ กลัวลูกจะมีปัญหา นี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต
ผมกลัวเชอรี่จะเป็นอันตราย กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก ภาพน่ากลัวๆ ในหนังฉายซ้ำขึ้นมาเต็มไปหมด

ผมกอดเชอรี่ที่นอนร้องไห้อยู่นาน แม้พยายามจะปลอบใจแต่ตัวผมเองก็ยังกลัวเลย ประสาอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่แบกท้องมา 9 เดือน และกำลังจะต้องผ่าตัด

“เค้ากลัว …​ สัญญาว่าจะอยู่ข้างๆ เค้าตลอดเวลานะคะ” เชอรี่ถาม
“เค้าจะจับมืออยู่ข้างๆ ตลอดเวลาเลยนะ จะร้องเพลงให้ฟังด้วย 555” ผมทำตลกกลบเกลื่อน

 5 พฤษภาคม 2558 – วันคลอดมาถึง

ก๊อกๆๆๆ พยาบาลเข้ามาปลุกตอน 6 โมงเช้า เหมือนจะแอบตกใจที่มองไปไม่เห็นใครบนเตียง แต่มีสองหนุ่มสาวนอนกอดกันอยู่ที่โซฟาซะงั้น

คุณนายหลังจากที่เศร้าทั้งคืน ตื่นมาสิ่งแรกที่ทำคือ “เค้าต้องเขียนคิ้วก่อน” คือถึงกลัวแต่ก็ต้องสวยไว้ก่อนนะคะ -___-“

มีพยาบาลมาเจาะสายน้ำเกลือให้เชอรี่ และทำอะไรอีกหลายอย่าง

ส่วนผมก็เตรียมกล้องบันทึกช่วงเวลาสำคัญให้พร้อม และยกมือไหว้สวดมนต์ ขอให้พระคุ้มครองสองแม่ลูกด้วย

มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อเชอรี่ไม่สามารถถอดแหวนหมั้นออกจากนิ้วได้ เพราะนิ้วบวมมาก พยาบาลพยายามมาช่วย งัดทุกวิธีแล้วก็ยังไม่ออก คือถ้าใส่แหวนเข้าผ่าตัดอาจจะเกิดปัญหาได้

ทีแรกนึกว่าต้องโดนเครื่องตัดแหวนออก แต่สุดท้ายพยาบาลก็มาพันแหวนให้อย่างดี

8.40 น. เวลาที่รอคอย (รึเปล่า) ก็มาถึง เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้เวลาไปที่ห้องผ่าตัดแล้ว ผมจับมือเชอรี่ที่นอนบนเตียง ยิ้มให้กำลังใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

เตียงถูกเข็นผ่านประตูห้องผ่าตัดเข้ามา เจ้าหน้าที่บอกผมว่าให้ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องข้างๆ ซึ่งผมก็รีบวิ่งไปจัดการด้วยความไวแสง กะว่าจะได้กลับมาอยู่ข้างๆ เชอรี่ต่อ

แต่ปรากฏว่าพยาบาลให้ผมนั่งรออยู่ข้างนอก ขณะที่เชอรี่กำลังบล็อคหลังอยู่ (ส่วนเชอรี่ก็โวยวายนิดหน่อยในห้อง เพราะอยากให้ผมมานั่งจับมืออยู่ข้างๆ)

ผมนั่งอยู่ที่ห้องพัก ตรงข้ามมีว่าที่คุณพ่อฝรั่งอีกท่านหนึ่ง ทั้งสองคนเปลี่ยนชุดเขียว ในมือมีอุปกรณ์ถ่ายภาพพร้อม เรานั่งมองหน้ากันเล็กน้อย แววตาไม่ต้องบอกว่ากังวลแค่ไหน เป็นช่วงเวลาที่แปลกดีเหมือนกันนะ

8.55 น. พยาบาลตามผมเข้าไปที่ห้องผ่าตัด พอเปิดประตูออกมา ภาพที่เห็นคือเชอรี่นอนอยู่บนเตียงแล้ว มีผ้าเขียวคลุมตัวอยู่ คุณหมอเยื้อนยืนประจำที่พร้อม และเจ้าหน้าที่อีกหลายคนรออยู่

ระหว่างทางเดินเข้ามา ผมแอบเห็นแว๊บๆ ที่หน้าท้องเชอรี่ คุณหมอกำลังผ่าอยู่เลย เห็นเลือด เห็นเจ้าหน้าที่หยิบโน่นนี่ ผมนิขนลุกซู่เลย เข้าใจเลยว่าทำไมคุณพ่อบางคนเป็นลมในห้องคลอด

เฮ้ย ห้องผ่าตัดมันน่ากลัวจริงๆ อันนี้รับรองได้

ผมมานั่งจับมือเชอรี่อยู่ข้างๆ มีผ้าสีเขียวกั้นทำให้มองไม่เห็นว่าหมอกำลังทำอะไรอยู่บ้าง (ซึ่งก็ดีแล้ว อย่าดูเลยจะดีกว่า) เชอรี่ดูจะมึนๆ ด้วยแรงยา พูดจาเหม่อลอยเล็กน้อย

9.00 น.
“เอ้า โอเค พร้อมแล้วนะ !!” เสียงหมอเยื้อนพูดขึ้น พร้อมที่จะนำเด็กออกมาจากท้องเชอรี่แล้ว
“เดี๋ยวค่ะ ฤกษ์คือ 9.09 นาทีนะคะ” พยาบาลทักขึ้นมาทันที
“อ่าวเหรอ …​ โอเค งั้นรอก่อนนะ”

หลังจากนั้นคุณหมอและพยาบาลก็คุยกันอย่างอารมณ์ดี เม๊าเรื่องหุ้น เรื่องลูกศิษย์ เรื่องโน้นนี้เต็มไปหมด ในขณะที่อีสองคนนี้กลัวจะตายอยู่แบ๊วววว >o<~

เป็น 9 นาทีที่นานที่สุดในชีวิตผมเลย ผมพยายามคุยกับเชอรี่ไปเรื่อยๆ บอกลูกเราน่าจะหล่อเน๊อะ เดี๋ยวผ่าเสร็จไปเที่ยวดรีมเวิร์ดกันไม๊คะ เอ๊ะ วันนี้มีคิ้วนี่ .. ผมพยายามเล่นมุกไปเรื่อยๆ แต่เชอรี่เหมือนจะงงๆ ฟังไม่ค่อยเข้าใจ

“เค้ากลัว … กลัวมากเลยตอนนี้” เชอรี่จับมือผม เสียงสั่น

ผมอยากตอบใจจะขาดว่าเค้าก็กลัวจ้าาาาา แต่ไม่ได้ เราต้องทำหน้าที่สามีผู้เข้มแข็ง
“กินตาบั๊กไม๊คะ ?” เฮ้ย นี่ผมพูดอะไรออกไป

ไม่ทันขาดคำ คุณหมอเยื้อนมองนาฬิกา 9.09 นาทีแล้ว บอกทุกคนให้พร้อม มีคุณหมอสุธีราแพทย์เด็กก้มมาบอกว่า เดี๋ยวจะรู้สึกเหมือนโดนกดนิดๆ ที่ตัวนะคะ

ตัวของเชอรี่ถูกกดเข้ามาแรงพอสมควร เข้าใจว่าเป็นการเข้าไปดึงเด็กออกมาจากท้อง ไม่เกิน 5 วินาที เราสองคนก็ได้ยินเสียงที่เพราะที่สุดในชีวิต …

“แอ๊~~~~”

ผมกับเชอรี่ตาโต มองหน้ากัน น้ำตาซึม เรามองเห็นเด็กคนนึงถูกอุ้มออกมา ตัวสีแดง มีน้ำใสๆ มองไกลๆ ก็รู้ว่าลูกเราออกมาแล้ว

คุณหมอสุธีรารีบเข้าไปตรวจดูลูกของเรา จากนั้นก็เดินเข้ามาบอกว่า “ยินดีด้วยนะคะ คุณได้ลูกชาย น้ำหนัก 3.09 กิโลกรัม แข็งแรง สมบูรณ์ดีทุกอย่างค่ะ”

โอ้โห น้ำตาผมไหลเลย รีบเช็ดแล้วหันไปบอกเชอรี่ว่าลูกเราแข็งแรงดีนะ เชอรี่ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณหมอบอกให้ผมไปถ่ายภาพได้ระหว่างที่เช็ดตัวเด็กอยู่โต๊ะข้างๆ

น้องวชิตัวโตกว่าที่คิดมาก ขายาว ผมได้แต่ยืนตะลึงดูลูกดิ้นไปมาแบบงงๆ มองแล้วมองอีก เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะว่าเด็กตัวเท่านี้อยู่ในท้องของเชอรี่มาตั้งหลายเดือนได้

ซักพักเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่านหนึ่งก็มาขอกล้อง บอกจะถ่ายภาพให้เรานะ ผมก็ให้ไปทั้งกล้องตัวใหญ่ DSLR และกล้องมือถือ iPhone 6

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คล่องมาก จับกล้องเข้ามุม รู้จุดถ่ายภาพมาเป็นอย่างดี เข้าใจว่าวันนึงคงถ่ายมาหลายรายมาก รวมถึงคงมีกล้องหลายรุ่นหลายขนาดที่ผ่านมือเขามาแล้วทั้งสิ้น

พยาบาลอุ้มน้องวชิมาให้เราได้ถ่ายรูปพ่อแม่ลูกกันเป็นครั้งแรก พร้อมให้ดูป้ายติดที่ขาของวชิ ข้างในระบุชื่อ นามสกุลของคุณแม่ให้พร้อม เพื่อไม่สับสนกับเด็กคนอื่นๆ

เชอรี่มองลูกแล้วยิ้มไม่หุบเลย เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมามากมายแต่ก็ได้แต่หันมายิ้มถ่ายภาพ

เราถ่ายรูปกันไป 10 กว่าใบทั้งกล้องใหญ่และมือถือ พยาบาลเชิญผมออกไปข้างนอกพร้อมกันลูก ส่วนเชอรี่ต้องอยู่เย็บแผล และพักฟื้นอีกเล็กน้อย

ผมตามลูกออกมาที่ Nursery นั่งรออยู่ซักพักก็มีพยาบาลเรียกให้เข้าไปดูน้องวชิได้ พยาบาลอธิบายเรื่องการดูแลน้องในห้อง Nursery รวมถึงให้เราเช็คดูชื่อ, น้ำหนัก, ความยาวของตัว

วชิหนัก 3.09 กิโลกรัม ถือว่าหนักทีเดียวเมื่อเทียบกับเชอรี่ที่เป็นคนผอม(มาก) ส่วนช่วงตัวยาว 50 เซนติเมตรก็ได้มาตรฐานดี

ผมถ่ายรูปและวิดีโอลูกอยู่นาน จนพยาบาลถามว่าโอเคไหมคะ (แปลว่าออกไปได้แล้วตาบ้าเห่อ 555) ผมก็ไปรอที่ห้องพัก ประมาณ 1 ชั่วโมงเชอรี่ก็ถูกเข็นมาที่ห้อง

เป็นอันว่าในที่สุดเราก็ผ่านประสบการณ์ผ่าตัดคลอดมาได้อย่างปลอดภัย และทุกอย่างราบรื่นดีมากๆ ขอบคุณหมอเยื้อนและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกท่านที่ดูแลเราเป็นอย่างดีนะฮะ 😀