ด้วยความที่มาตรฐานของ GTH ในเรื่องก่อนๆ สร้างไว้ดีมาก + เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปี และแน่นอนเพราะมีนิชคุณมาแสดงด้วย ทำให้ “รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่หลายคนตั้งความหวังเอาไว้สูง(มาก)
ส่วนตัวที่เป็นแฟนตัวยงของ GTH ก็ตั้งความหวังไว้สูงเช่นกัน ซึ่งหลังจากได้ไปดูถึง 2 รอบ ก็ตอบกับตัวเองได้ว่า “ไม่ผิดหวัง”
จริงๆ แล้วอยากวิจารณ์หนังในแบบปกติที่เคยทำ แต่ในเมื่อหนังเรื่องนี้ทำขึ้นในโอกาสพิเศษ และก็มีอะไรพิเศษหลายอย่างซ่อนอยู่ บทวิจารณ์นี้เลยขอเน้นไปที่การดูความเป็น “หนังแนวทดลอง” ของ “รัก 7 ปีดี 7 หน” ครับ
[Spoil]
หนังแนวทดลอง
การทำหนังสั้นหลายตอนแล้วมารวมเป็นเรื่องเดียว ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ GTH แต่ที่น่าแปลกใจคือถ้าได้อ่านบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับ จะได้ยินประโยคแปลกๆ อย่าง “เราได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ” , “มีอะไรหลายอย่างที่เราใส่ลงไปในหนัง”
ซึ่งถ้าพิจารณาดูแล้วหนังรัก7ปีเป็นแนวทดลองทั้ง 3 ตอน
- 14 : ทดลองเล่นกับสัญลักษณ์ต่างๆ
- 21/28 : ทดลองการเล่าเรื่อง
- 42 : ทดลองการสร้างนามธรรม มองได้หลากมุม
ส่วนตัวคิดว่าที่ทีมงานเลือกจะไม่ Pay Safe กับหนังฉลอง 7 ปีบริษัท ก็ด้วยต้องการปล่อยของบางอย่างที่อยากทำมานานแต่ไม่มีโอกาส หรืออาจจะเพราะไม่อยากยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ กับหนังรักในแบบเดิมๆ ที่สร้างมาตลอด 7 ปีก็เป็นได้
14 : ทดลองเล่นกับสัญลักษณ์ต่างๆ
สัญลักษณ์ในที่นี้คือใช้ Social Network เป็นตัวเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ
- หนังเริ่มด้วยการแนะนำชีวิตป่วนกับมิลค์ผ่าน Facebook (in relationship)
- พากษ์เสียงฮาๆ ทับหนังแฟนฉัน ดูบนมือถือ
- ไปเที่ยวกันผ่าน Path
- ส่งข้อความหากันผ่าน WhatsApp
- คุยกันทุกวันทาง Skype
- แชร์วิดีโอซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องดราม่าผ่าน Youtube
- ป่วนเข้าไปถามความเห็นจากใน Pantip
- ในตอนจบที่หน้าบ้านมิลค์ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าภาพทั้งช่วงนี้จะเบลอทั้งหมด แต่ชัดเพียงจุดวงกลม และบางช่วงวงกลมนั้นก็ถูกลากไปมา ซึ่งถ้าใครเคยใช้ Instagram จะรู้ดีว่านี่คือ Filter Blur นี่เอง
ที่สำคัญคือทุกช่วงที่กำลังจะตัดสลับไปมาระหว่าง 21 กับ 28 จะมีภาพที่เหมือนกันมาเชื่อม เช่นจอนบอกไม่รับเล่นภาคสองแล้วปิดประตู (28) ภาพซูมไปที่ประตู จากนั้นก็ตัดมาประตูที่เปิดออก เป็นแหม่มมาเก็บของออกจากบ้าน (21)
ถ้าโจทย์ของหนังเรื่อง 42 ที่พี่เก้งต้องการจะสื่อคือการให้แรงบันดาลใจกับใครสักคน โดยมากหนังแนวนี้ก็มักจะไปในทางเดียวกัน เช่นหนังกีฬา เต้น ใช้การแข่งขันเป็นตัวนำ ซึ่งหล่อน (สู่ขวัญ) ในเรื่อง 42 ก็เป็นเช่นนั้น คือสู้กับตัวเองทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
ถ้ามองเรื่อง 42 จริงๆ แล้วจะพบภาพการวางสัญลักษณ์ และเป็นเชิงนามธรรมไว้เกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
สัญลักษณ์เชิงสิ่งของ : ปืน, รองเท้าแตะ, ดอกกุหลาบ, รองเท้าผ้าใบ, ขวดน้ำ, ส้ม, โทรศัพท์, รูปภาพ, เชือกรองเท้าขาด
สัญลักษณ์เชิงคำพูด : เช้าวันหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่ง ปืนกระบอกหนึ่ง, Turning Poing, หนังคาซัคสถาน, โอยแม่ทำให้หล่อนคิดอะไรไม่ออก, ถนนพระสุเมรุ, เยี่ยงมนุษย์
รวมถึงการไม่บอกชื่อของพระเอกและนางเอก นามธรรมทั้งหมดที่วางไว้ เราไม่จำเป็นต้องหาความหมายหรือคำอธิบายที่ชัดเจน เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าหนังคาซัคสถานมันเป็นยังไง ? ส้มมีความหมายยังไง ?
สุดท้ายทุกอย่างที่รวมๆ กันในเรื่อง 42 คือบ่วงที่ดึงหล่อนเอาไว้ หล่อนมีความหลังมากมายในตอนต้น และเหมือนจะลืมทุกอย่างได้เมื่อมาเจอกับเขา (นิชคุณ) แต่สุดท้ายเมื่อวิ่งผ่าน Turning Point บ่วงเหล่านั้นก็กลับเข้ามาอีกครั้ง
ประโยคที่พูดกันในช่องหนีไฟ เป็นบทพูดที่จริงใจที่สุดในหนังหลายๆ เรื่องในรอบปีนี้
“ฉันพยายามบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าฉันชอบคุณ”
“ครอบครัวคุณรับไม่ได้หรอก ไม่มีครอบครัวไหนรับได้”
“ถ้าผมกับคุณเป็นคนธรรมดา ถ้าไม่มีเรื่องสามีคุณ เราจะคบกันได้ไหม ?”
บ่วงทั้งหมดก็ดูเหมือนจะยังคาใจอยู่ แต่หล่อนก็ออกมาวิ่งมาราธอนโดยที่ไม่เข้าใจเหตุผลของการออกมาวิ่งอยู่ดี
จนถึงวินาทีสุดท้ายของเรื่อง ที่เขากลับมาถามหล่อนว่า “คุณพูดกับปีศาจกิโลเมตรที่ 35 ว่ายังไง ?” หล่อนไม่ตอบ ได้แต่วิ่งไปข้างหน้า และจบที่คำบรรยาย
บางทีชีวิต มันก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องมีคำสัญญา บ่วงทุกอย่างที่ผูกติดเราไว้ก็เหมือนกัน ขอแค่เราใช้ชีวิตต่อไปแล้วก็มุ่งไปข้างหน้า … เยี่ยงมนุษย์
:: สรุป ::
“รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่แทรกอะไรไว้มากมาย ทั้งดารารับเชิญ การเอาประโยคเด็ดๆ จากหนังเก่าของ GTH ภาพของหนังแฟนฉันที่เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัท รวมไปถึงการทำหนัง 3 เรื่องให้หลุดออกไปจากสูตรสำเร็จเดิมๆ
ผลคือคนดูถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือที่ชอบก็จะชอบมาก คนที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย
ก็ไม่แปลกที่รายได้จะไม่สูงเหมือนที่หลายคนคาดคิด (7 วันไม่ถึง 50 ล้านบาท)
อย่างไรก็ดี “รัก 7 ปีดี 7 หน” คือหนังที่คุณภาพดีเยี่ยม มีอะไรมากมายให้เก็บระหว่างทาง สมกับที่เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปีของค่ายหนังที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ ดูจบก็แอบยิ้มเล็กๆ ได้ข้อคิดหน่อยๆ แต่ก็ Feel Good ตามระเบียบครับ 🙂
ประโยคเด็ด
14
- น่ารักเหี้ยๆ
- ถ้า Public แบบนี้ใครๆ ก็ดูได้สิ, ก็ใช่ไง
- หมื่นแล้วโว้ยยยยยย
- ก็ไหนว่าทำให้มิลค์คนเดียวไง, คนอื่นเค้าก็ชอบกันทั้งนั้นเลยนะ
- นี่แคร์ไอ้หมื่นวิวนั้นมากกว่ามิลค์อีกเหรอ
- ไอ้เหี้ย
- พี่ไม่มีมิลค์คนเดียวไม่เป็นอะไรหรอก มีคนรักพี่อีกเป็นหมื่นเป็นแสนคนในนั้น
21/28
- ก็ถ้าคนเก่ามันเวิร์ค จะไปมีคนใหม่ทำไม
- หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้จักผู้หญิงคนนึง .. ผมรักเค้ามาก
- แม่งแรด
- Oh Baby Smile ~~
- หนังเรื่องนี้มันเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว ฉันอยากกลับมาดังอีกครั้ง
- เราโทษตัวเองทุกวัน
- เราจะกลับมารักกันได้อีกรึเปล่า ?
42.195
- หน้าที่ของเราก็คือมองถนน 7 ฟุทข้างหน้า แล้วก็แค่วิ่งผ่านมันไปเท่านั้น
- คุณคิดว่าฉันวิ่งมาราธินได้ไหม, ทำไมไม่ลองดูล่ะครับ
- ฉันก็แค่อยากวิ่ง แต่ไม่อยากเหนื่อย
- ถ้าคุณอยากวิ่ง คุณวิ่งกิโลเดียวก็พอ แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ล่ะก็ คุณค่อยมาวิ่งมาราธอน
- พวกมึงจะมาวิ่งทำอะไรกันวะ ? (เสียงจากปีศาจกิโลเมตรที่ 35)
- อีก 20 ปีเธออยากจะป้อนแอนมัมฉันก่อนนอนรึไง ?
- คุณคงไม่อยากคบฉันเพื่อมีเรื่องเสียใจใช่ไหม, แล้วตอนนี้คุณเสียใจรึยังล่ะครับ
Related Link