ผมให้ของขวัญวันเกิดเชอรี่มาตั้งแต่ปีแรกที่เรารู้จักกัน และก็ให้มาเรื่อยๆ ต่อเนื่องมาทุกปี จนถึงตอนนี้ก็ครบ 17 ชิ้นแล้ว
ถ้าถามว่าของขวัญชิ้นไหนที่ชอบที่สุดตั้งแต่เคยให้ของขวัญวันเกิดมา ผมตอบได้ทันทีเลยว่าของขวัญชิ้นที่ 2 กับชิ้นที่ 11 … ซึ่งถ้าถามเชอรี่ว่าชอบของขวัญชิ้นไหนที่สุด ก็จะได้คำตอบที่ไม่ต่างกัน
ถ้าใครสังเหตุดูในวิดีโอขอแต่งงาน ก็จะเห็นสร้อยเส้นนึง ที่มีจี้เป็นรูปดอกไม้น่ารักๆ 5 แฉก มีพลอยตรงกลางสีชมพู .. สร้อยเส้นนี้คือของขวัญชิ้นที่พูดถึง ซึ่งมีที่มาที่ไป และมีความหมายสำหรับเราสองคนมาก จนอยากจะขอบันทึกเรื่องราวเก็บเอาไว้ครับ
พ.ศ. 2538
ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ให้เชอรี่ (ปี 2537) คือแก้วรูปบิดๆ งอๆ ตอนนั้นโนไอเดียจริงๆ ว่าจะให้อะไร เพราะเพิ่งรู้ว่าเชอรี่เกิดวันไหนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า พอหนึ่งปีผ่านไป ผมเลยตั้งใจกับของขวัญชิ้นที่สองมากเป็นพิเศษ
ตอนนั้นผมอยู่ ม.3 ถ้าได้อ่านจากการ์ตูนก็จะรู้ว่าเราสองคนถึงแม้เวลาอยู่ที่โรงเรียนจะไม่คุยกัน แต่เราก็ติดต่อกันทางจดหมายและโทรศัพท์หากันทุกวัน เรามีความรู้สึกที่พิเศษต่อกันหลายอย่าง
ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะหาของขวัญอะไรให้ พอดีบังเอิญได้ไปดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง (จำชื่อเรื่องไม่ได้) ที่พระเอกทำเซอร์ไพรส์นางเอกด้วยการเอาหนังสือเล่มใหญ่ให้เป็นของขวัญ แต่พอเปิดมา ปรากฏว่าข้างในหนังสือถูกเจาะตรงกลาง แล้วก็มีกล่องใส่แหวนขอแต่งงานอยู่ข้างใน
ด้วยอารมณ์ไหนไม่รู้ ผมเลยอยากทำบ้าง แต่จะให้แหวนก็เว่อร์ไป ผมเลยเดินหาเครื่องประดับไปทั่วเมือง ด้วยราคาไม่กี่ร้อยบาทเท่าที่เด็กนักเรียนจะหาซื้อได้ ในที่สุดก็เจอกับสร้อยที่มีจี้เป็นรูปดอกไม้ 5 แฉก มีพลอยตรงกลางสีชมพู
จากนั้นผมก็เริ่มทำกล่องใส่สร้อยตามแบบในหนังที่ดู แต่ตอนนั้นไม่รู้จะหาหนังสือเล่มใหญ่ๆ จากไหน ว่าแล้วก็เลยหยิบดิกชันนารีที่ใช้ตอนเรียนวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมา .. ตัดโช๊ะ !!
มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
ทีแรกผมเข้าใจว่าการจะเจาะเป็นรูปสี่เหลี่ยมลงไปตรงกลางหนังสือที่หนากว่า 400 หน้า ก็แค่เอามีดจิ้มลงไปเฉยๆ แต่คิดผิดถนัดเพราะมันไม่ทะลุ และยิ่งใช้แรงดันมากเท่าไหร่ หนังสือยิ่งขาดมากเท่านั้น
ความพยายามครั้งแรกเลยล้มเหลว หนังสือเบี้ยว กระดาษยับเละไปหมด สุดท้ายผมต้องไปซื้อดิกฯ มาอีกเล่มหนึ่งเพื่อเจาะอีกครั้ง หลังจากหาวิธีอยู่ซักพัก ก็ได้ข้อสรุปว่า ผมจะเอามีดตัดลงไปในหนังสือทีละหน้า !!
วิธีนี้อาจจะดูโง่ๆ แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่ปัญญาเด็กม.3 อย่างผมจะคิดออก ผมนั่งตัดกระดาษทีละหน้า หน้าที่ 1 .. หน้าที่ 10 .. หน้าที่ 50 .. หน้าที่ 100 … จนถึงหน้าที่ 400
ทั้งหมดใช้เวลาทำ 2 อาทิตย์ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ และก็ส่งไปรษณีย์ไปถึงมือเชอรี่ตรงวันเกิดพอดี
สร้อยขาด …
เชอรี่ชอบสร้อยเส้นนี้มาก มากถึงขนาดใส่สร้อยเส้นนี้ไปโรงเรียนทุกวัน (ซึ่งแน่นอนว่าต้องหลบอาจารย์บ่อยครั้ง) หลายครั้งที่เราเดินสวนทางกันที่โรงเรียน พอผมได้เห็นสร้อยเส้นนี้ในคอเธอ มันก็ต้องแอบยิ้มและดีใจไปด้วยทุกครั้ง
แต่แล้วในช่วงม.ปลาย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราสองคนเริ่มห่างกัน วันนั้นเชอรี่กำลังเดินเล่นอยู่ที่โรงเรียน ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุบางอย่าง ทำให้สร้อยเส้นนี้ขาดลง …
แล้วก็เหมือนเป็นลาง เพราะหลังจากนั้นเราสองคนก็มีปัญหาบางอย่างและก็เริ่มห่างเหินกัน (ซึ่งจะได้อ่านในการ์ตูนตอนที่ 2 ครับ)
10 ปีผ่านไป
ผมก็ยังคงให้ของขวัญเชอรี่อยู่เช่นเคยทุกปี หลังจากเวลาผ่านไป ในที่สุดเราสองคนก็เปลี่ยนฐานะจากเพื่อนมาเป็นแฟน ซึ่งผมเองก็เคยถามถึงสร้อยเส้นนั้นที่เคยให้เมื่อสิบปีก่อน ปรากฏว่าเชอรี่ยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี ถึงแม้มันจะขาดลง
แต่ด้วยความที่วัสดุที่ใช้ทำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ตามราคาไม่กี่ร้อยบาท) ทำให้สีชมพูเริ่มจางลง ตัวจี้มีรอยดำมากจนดูแย่เวลาใส่ ปีนั้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีสร้อยคอเส้นนี้ ผมเลยตั้งใจว่าจะให้สร้อยกับเชอรี่อีกครั้งนึง ในแบบที่เหมือนเดิมกับที่เคยให้เมื่อ 10 ปีก่อน
หลังจากเดินห้างทั่วกรุงเทพ ก็ยังไม่พบจี้รูปดอกไม้ที่คล้ายกับของเดิม สุดท้ายผมเลยตัดสินใจ แอบเอาจี้ตัวเดิมไปให้ร้านอัญมนีแห่งหนึ่งในย่านสีลมดู .. แล้วก็พูดคุยกับเจ้าของร้าน เพื่อหาทางทำสร้อยและตัวจี้รูปดอกไม้นี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยทุกอย่างเริ่มจากศูนย์
ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะที่ร้านจะต้องทำบล็อคขึ้นมาใหม่หมด สำหรับจี้ตัวนี้เพียงตัวเดียว ต้องใช้เวลาในการแกะบล็อคตามรูปแบบของจี้ตัวเก่า อีกทั้งผมยังขอว่าให้ใช้วัสดุที่ดีกว่าเดิม คือเป็นทองคำขาว เพื่อไม่ให้ตัวจี้เกิดรอยดำขึ้นมาอีก (ขอไม่เปิดเผยราคาค่าทำครับ)
ทั้งหมดใช้เวลาทำกว่าเดือน ตั้งแต่ออกแบบ เลือกวัสดุ และก็ตรวจสอบว่าสร้อยออกมาเหมือนเดิมทุกประการจริง
ของขวัญที่มีความหมาย
ผมให้สร้อยเส้นนี้กับเชอรี่ในวันเกิดเมื่อปี 2549 เธอตกใจมากที่ได้เห็นสร้อยเส้นนี้อีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนกับเมื่อสิบปีก่อนที่เคยให้กันเลย
ความรู้สึกในตอนนั้นมันพิเศษอย่างบอกไม่ถูก นาทีที่ผมหยิบสร้อยมาใส่ให้เธอ เหมือนกับว่าเราได้ย้อนเวลากลับไปในวันวานอีกครั้ง
เรานั่งคุยกันถึงเรื่องสร้อยเส้นนี้อยู่นาน ตั้งแต่วันแรกที่ผมนั่งตัดกระดาษทีละแผ่น วันแรกที่เชอรี่ได้หยิบมันมาคล้องคอและใส่ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา
ผมว่าบางทีมันก็แปลกดีเหมือนกันนะ .. การที่เราได้กลับมาทำอะไรที่มีความหมายกับตัวเองอย่างมากอีกครั้งนึง ความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นมันย้อนกลับมา ได้ยิ้มได้มีความสุขกับวันวานและปัจจุบัน
หลังจากนั้นเชอรี่ก็ใส่สร้อยเส้นนี้ทุกวัน ใส่อยู่ตลอดเวลา มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์บางอย่างที่ย้ำเตือนความสัมพันธ์ของเราสองคน ที่ไม่ว่าของบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา .. แต่ความทรงจำที่อยู่ในนั้น ไม่เคยเปลี่ยนไปครับ 🙂
2538 – 2549 |
Related Link