ผมคือสต๊อปจีฟ ( I’m @SteveJobsThai )

คุณอาจจะได้เห็น หรือผ่านตากับข้อความมุขขำบ้าง แป๊กบ้างของสตีฟ จ็อบส์ตัวปลอมแต่พูดไทยได้ที่ชื่อ @SteveJobsThai หรือที่เรียกตัวเองว่า “สต๊อป จีฟ” …​ ใช่ครับ เจ้าของทวิตเตอร์แอคเคาท์นั้นคือผม (@Khajochi) เอง

ความจริงแล้ว ตั้งแต่เริ่มที่จะสร้าง @SteveJobsThai นั้น ผมไม่เคยคิดที่จะเปิดเผยตัวเอง เพราะการสร้างตัวตนเสมือนในโลกออนไลน์นั้น ถ้าคุณรู้ว่าเบื้องหลังนั้นคือใคร มันจะหมดความน่าเชื่อถือลง 200% ทันที (ในกรณีนี้คือความฮาจะหมดลงทันที)
แต่ความตั้งใจนั้นก็ต้องหมดไป … ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าสตีฟได้จากโลกไปแล้ว เช่นเดียวกับตัว @SteveJobsThai เองที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของบุคคล ก็คงจะไม่มีประโยชน์ในการทวีตอีกต่อไป และด้วยความเคารพต่อศาสดา ผมคงไม่คิดว่าจะสร้างความฮาโดยการทวีตจากสวรรค์ลงมาได้
ผมเชื่อว่าประสบการณ์ 1 ปีกับอีก 3 เดือนที่ผ่านมาของ @SteveJobsThai ที่มี Follower 3,583 คน จากการทวีตไปแค่ 587 ครั้ง ก็น่าจะพอเป็นประโยชน์ในการแชร์ที่มาที่ไป การคิดมุข การโปรโมท และเรื่องน่าสนใจอื่นๆ ครับ

คำเตือน: ยาว !! เพราะตั้งใจจะเป็นให้บล็อกตอนนี้เป็นการจดบันทึกของผมเองด้วยครับ

กำเนิด @SteveJobsThai

โดยส่วนตัวผมก็เป็นสาวกแอปเปิลคนนึง และรู้จักกับความเป็นสตีฟ จ็อบส์ ค่อนข้างดีทีเดียว (link: ผมกับสตีฟ จ็อบส์) .. เรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2010 หลังแอปเปิลเปิดตัว iPhone 4 ไปได้ไม่กี่วัน ก็พบกับปัญหาผู้ใช้จับเครื่องแล้วสัญญาณตก ตามที่เราได้อ่านข่าวกันไป

ผมก็เข้าไปเล่นมุขหนึ่งในข่าวของ Blognone คือเอารูป L ถือโทรศัพท์ แล้วบอกว่านี่คือ “ท่าถือ iPhone 4 ที่ถูกต้อง !!” ซึ่งปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก มีคนเข้ามาฮากันเยอะทีเดียว

ผมเลยปิ๊งไอเดียแว๊บนึงขึ้นมาว่า “ถ้าเกิดว่าสตีฟ จ็อบส์ขึ้นไปเล่นมุขนี้บนเวทีรับรองว่าฮาโคตรรรร” แล้วไอเดียต่อยอดต่อมาคือ “ถ้าเกิดว่าจ็อบส์พูดไทยได้ขึ้นมาล่ะ ?”

หลังจากนั้นไม่กี่วันผมจึงไปสมัคร Twitter ในชื่อ @SteveJobsThai ขึ้นมาอีกอันหนึ่ง โดยไม่ได้มุ่งหวังอะไรนอกจากทำเอาสนุกๆ สร้างความฮาในอีกมุมหนึ่งของโลกแอปเปิล แต่แทรกความเป็นไทยเข้ามาด้วยการจับสตีฟ จ็อบส์มาพูดไทยซะเลย

ชื่อภาษาไทยทีแรกคิดไว้เยอะมาก “สตีฟ 3 ช่า”, “สตีฟ จ็อบส์เชิญยิ้ม”.. แต่ก็หาชื่อที่เข้าท่าไม่ได้ซะที สุดท้ายเลยมาจบที่การใช้คำผวน “สต๊อป จีฟ” ซึ่งคนอ่านทีแรกจะงงๆ ก่อน จากนั้นก็จะอมยิ้มในความฮาเล็กๆ

รูป Avatar ใช้เป็นตุ๊กตาสตีฟ จ็อบส์เพราะมันน่ารักดี ดูทีไรก็ขำ และเพิ่มความเป็นไทยด้วยการใส่สัญลักษณ์ “++” ที่กำลังฮิตกันอยู่ในช่วงนั้น

และทวีตแรก ก็ได้เริ่มขึ้นในวันที่ 2 ก.ค. 2010 และคำนี้ก็กลายมาเป็น Description ของตัว @SteveJobsThai
เฮ้ย !! ผมพูดไทยได้มานานแล้วนะ .. นี่ไม่เชื่อกันจริงๆ เหรอ

ฉีกตำรา – ไม่โปรโมท, ไม่ RT, ไม่ Reply

หลังจากสมัครทวิตเตอร์แล้ว ผมเริ่มต้นด้วยการ Follow คนรู้จักและคนที่คิดว่าอยาก Follow 500 คน หลังจากนั้นถ้าใครมา Follow เราก็จะ Follow กลับ

สำหรับเรื่องการโปรโมทนั้น ตำราการสร้างแบรนด์บนโลก Social Network โดยเฉพาะ Twitter นั้นมีกฏอยู่หลายข้อที่น่าสนใจ

  • พยายามสร้างเครือข่าย ให้คนดัง คนรู้จักช่วยโปรโมท
  • พยายาม RT ในสิ่งที่ Follower ของเราสนใจ
  • พูดคุย ตอบรับ สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ให้มากเข้าไว้
แต่เนื่องจากผมต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างว่า สิ่งเหล่านี้มันไม่มีความจำเป็น เพราะผมมีความเชื่อหนึ่งที่ใช้มาตลอด ตั้งแต่เริ่มเขียนบล็อกมา 6 ปีคือ “ทำเนื้อหาให้ดี แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง (Content is King)
ดังนั้น @SteveJobsThai จึงสร้างขึ้นมาด้วยกฏ 3 ข้อนี้คือ
  1. ไม่โปรโมท : การไม่บอกใครว่าผมคือ @SteveJobsThai ทำให้การโปรโมทโคตรยากเลยครับ เพราะผมจะมาเป็นหน้าม้าเองก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวคนก็รู้หมด จะไปสมัครบริการแนะนำให้คนมา Follow เราก็ขี้เกียจทำด้วยสิ
  2. ไม่ RT : ผมรู้สึกว่าการ RT มันเปลือง Timeline และถ้าจะสร้างขึ้นมาเพื่อเล่นมุขตลก ก็ควรจะเล่นด้วยตัวเอง ไม่ต้องไป RT ข้อความอะไรของคนอื่น
  3. ไม่ Reply : อันนี้ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็น การจะเล่นมุขให้ตลก คงไม่ต้องทวีตเพื่อตั้งคำถาม “อ้าว วันนี้ใครไปซื้อไอโฟน ส่งเสียงหน่อยยย ?” แล้วก็รอตอบ “@xyz ดีจังเลยครับ อย่าลืมแวะไปซื้อที่ร้าน ….”
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่กฏเหล็กซะทั้งหมด เพราะบางทีผมก็ทดสอบลอง RT หรือ Reply ไปบางครั้ง แต่ 95% จะเป็นข้อความที่เขียนขึ้นมาเองครับ
เพราะฉะนั้นโมเดลเริ่มต้นของ @SteveJobsThai คือการเล่นมุขขำขันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยมีเป้าหมายคือมีจำนวน Follower 500 คนขึ้นไป ก็ถือว่าผ่านแล้วครับ (ซึ่งช่วงหลังโชคช่วยให้ไปไกลกว่านั้นมาก)

แอบชงเองตบเองอยู่ทีนึงด้วย คริ คริ
เริ่มต้นก็แป๊กแล้ว
ด้วยความเป็นบล็อกเกอร์ ผมเลยเริ่มมี Mindset ที่ว่า การจะขำได้มันต้องมีทั้งตัวอักษร รูปภาพ วิดีโอ แชร์โน่นนี่ ผมเลยสร้างบล็อกขึ้นมาอันหนึ่ง ( http://stevejobsthai.blogspot.com ) ซึ่งถ้าเข้าไปดูจะเห็นว่ามันเหมือนบล็อกที่ผมเขียนเป็นประจำเลย จากนั้นผมก็ทวีตให้คนเข้าไปอ่าน โดยหวังว่าเขาจะฮากัน
ผลคือ แป๊กสนิทครับ แทบจะไม่มีใครเข้าไปอ่านเลย ตามความเข้าใจของผมคือ “บล็อกมันย่อยยาก” ผมพบว่าโมเดลเดิม [อ่านทวีต -> กด link -> รอ browser เปิด -> อ่าน -> ฮา -> กลับไปหน้าทวีตใหม่ -> แชร์] มันมีขั้นตอนมากเกินไป คนขี้เกียจเปิดว่างั้นเหอะ โดยเฉพาะคนที่อ่านทวีตจากมือถือ
หลังจากลองผิดลองถูกไป 2 เดือน จึงได้ตรัสรู้ว่าเราควรทำให้มันย่อยง่ายที่สุด จึงเกิดเป็นโมเดลใหม่
ขำภายใน 140 ตัวอักษรเท่านั้น !!

ซึ่งเหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริงโคตรยากเลย บางทีเราอยากเล่นมุขที่เล่าเรื่องราว แต่ 140 ตัวอักษรก็ทำให้ต้องคิดใหม่ บางทีเล่นมุขสั้นๆ ก็อ่านไม่รู้เรื่องอีก

ตัวอย่างมุขแป๊กหลังเปลี่ยนมาใช้โมเดลให้จบใน 140 ตัวอักษร

  • พวกคุณไม่รู้เหรอว่าการแจก bumber ให้ทุกคนฟรีมันเสียตังค์มากแค่ไหน .. นั่นสิ เท่าไหร่หว่า ? [ เล่นเองตอบเอง งง ]
  • พายุสงบแล้ว แต่ทำไมรู้สึกเหงาๆ นะ [ บ่นอะไรของแก ]
  • เราไม่เคยไปเหยียบดวงจันทร์ เรือ Titanic ไม่เคยล่ม .. และเราไม่เคยทำให้คุณต้องผิดหวัง [ หืม ?? ]
บล็อก … ไม่เวิร์ค …

เตรียมมุขล่วงหน้า คัดเฉพาะที่ฮาจริง

หลังจากพยายามและแป๊กหลายต่อหลายครั้ง ผมเลยได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า ปริมาณไม่ได้ช่วยอะไรเลย การทวีตบ่นโน่นนี่วันละ 4-5 ครั้ง อย่าง หิว, เบื่อ, ร้อนจังวันนี้ ก็ไม่ได้บ่งบอกความเป็นตัวตนที่เคยคิดไว้ของสต๊อปจีฟ

ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการทำ “สมุดจดมุข” (จริงจังไปไม๊เนี่ย) คือบางทีคิดอะไรออกขำๆ ก็จดเก็บไว้ ทำเป็นรายการ แยกประเภท จัดระดับความฮา คือคิดมุขไว้เยอะมาก .. จากนั้นก็มานั่งคัดว่า อันไหนฮาจริง อันไหนแค่อมยิ้ม อันไหนแป๊ก

จากสถิติคือคิดได้ซัก 10 มุข จะโพสต์จริงแค่ 1-2 มุขเท่านั้น เพราะบางอันก็ต้องคนวงในจริงๆ ถึงจะเก็ต บางมุขก็แรงเกินไป แต่อย่างไรก็ดี วิธีนี้ก็ทำให้ได้มุขที่มีคุณภาพมากขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อน และก็เริ่มกลายเป็น Daily Joke คือทวีตอย่างมาก วันละครั้งเท่านั้น

ซึ่งปรากฏว่าวิธีคิดนี้ประสบความสำเร็จมาก จากเดิมที่มีคน Retweet แค่ 2-4 ครั้ง ก็เริ่มเพิ่มเป็น 20-30 ครั้ง บางมุขฮาแสรดก็มีคน Retweet มากถึง 100+ ครั้ง ทั้งที่จำนวน Follower ไม่ได้มากมายอะไร

ผมจดมุขล่วงหน้าไว้ใน Google Mail ครับ ในนั้นจะมีหลายร้อยมุข
แต่ที่ใช้จริงๆ มีไม่กี่อัน เพราะคิดว่าไม่ขำครับ

มุขตามกระแส ต้องไว และเข้าบรรยากาศ

บางครั้งการเกิดกระแสฮ๊อตบนทวิตเตอร์ขึ้น แล้วเราเลือกปล่อยมุขที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นออกไป ก็สร้างมุมมองที่แตกต่างได้ และมีคนสนใจจำนวนมาก แต่มุขตามกระแสข้อเสียคือต้องคิดไว ทำไว เพราะถ้าเลยเวลาช่วงนั้นไปแล้ว มุขเหล่านี้ก็จะ out ไปตามกาลเวลา

ตัวอย่างมุขตามกระแส

  • นายไตรภูมิก็ใช้ iPhone 4 ครับ ผมเห็นกับตา [ 15 RT – กระแสละครรักไม่มีวันตาย ]
  • โฆษณา Magic Mouse ตัวใหม่จะให้แฮรี่ พอตเตอร์ถือเมาส์แทนไม้กายสิทธิ์ [ 27 RT – ช่วงหนังแฮรี่ภาคจบเข้า ]
  • เตรียมฟ้องโน้สอุดม ข้อหาเปิดร้านไอติมใช้ชื่อละเมิดลิขสิทธิ์แอปเปิล #iBerry [ 54 RT – ช่วงกระแสจองบัตรเดี่ยว 9 ]
  • iPhone 5, iPhone 6, iPhone 7 และ iPhone 8 เราจะยังคงใช้ระบบ 3G ไปก่อน เพื่อให้ทันใช้ได้ในบางประเทศ [ 20 RT – ช่วงระงับประมูล 3G ]
  • มันช่างเป็นภาพที่สวยงาม #Dtac3GExpo http://twitpic.com/6fa90u [ 400+ RT – ดราม่างาน Dtac 3G  Expo ]
  • ผมเข้าใจแล้ว !! ที่คนไทยอยากได้ไอโฟนลด 50% มากขนาดนี้ เพราะจะเอาเงินที่เหลือไปซื้อแอพแท้มาลงเครื่องแน่นอน [ 300+ RT ]
  • วันไอโฟฆระบูชา เป็นวันที่ทิมคุกขุจะแสดงคีโนระปาฏิโมก โดยมีสาวกมาเฝ้ารอดูอย่างพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมาย [ 500+ RT ]
  • ที่เราเก็บความลับ iPhone 5 เป็นอย่างดี ก็เพราะถ้าแม้กระทั่ง iPhone ตนเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ แล้วประเทศนี้.. เอ๊ย บริษัทนี้จะปกป้องได้อย่างไร? [ 300+ RT กรณีนายกหญิงโดนแฮ็กทวีตเตอร์]
มุขเกรียน ใช้ได้ทุกเวลา แต่คิดยาก
มีมุขอีกประเภทหนึ่งที่ผมตั้งชื่อหมวดนี้ว่า “มุขเกรียน” คือเป็นมุขที่เล่นตอนไหนก็ได้ ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ซึ่งเป็นข้อดีทำให้มุขกลุ่มนี้เล่นช่วงที่ข่าวแอปเปิลซบเซา ไม่มีสินค้าอะไรใหม่ออกมาได้ แต่ข้อเสียคือคิดยากโคตร และโอกาสแป๊กมีสูงทีเดียว
ตัวอย่างมุขเกรียน
  • วิธีแก้ปัญหาเล่นเกมส์แล้ว iPhone ร้อนผิดปกติ … ปิดเครื่อง [ 10 RT ]
  • abcdefghi™jklmnopqrstuvwxyz [ 3 RT แป๊ก ]
  • มื$อถือ_ของเรา:฿ไม่เคยมีปั!.ญหาเรื่อง#%สัญ¥•ญาณ เชื่}*อผม;€สิ [ 50 RT ]
  • iPhone 5 จะมีโลโก้เป็นรูปแอปเปิล [ 43 RT ]
  • วิธีแก้ปัญหา iPhone ตกน้ำ .. ซื้อใหม่ [ 150+ RT ]
Klout Score ของสต๊อป จีฟ
ตัวเลข True Reach อันนี้สถิติบอกไว้ว่า @StebeJobsThai สามารถสร้าง
highly engaged network ได้ ซึ่งก็น่าพอใจครับ
มุขเต็มแม๊ก ทวีตยาวๆ ป้องกันการ Unofficial Retweet
เป็นที่รู้กันว่าเซเล็บเมืองไทย ทั้่งดารา นักข่าว และเน็ตเซเล็บทั้งหลายไม่ชอบใช้ Official Retweet จะด้วยเหตุผลที่อยากโปรโมทตัวเอง หรือต้องการให้รู้นะว่าข้อความนี้มันมาจากฉันนะยะ !! 
ซึ่งทำให้เราวัดประสิทธิภาพของ Twitter เราได้ยากมาก เพราะนอกจากจะนับไม่ได้แล้วว่าข้อความนี้มีการ RT กี่ครั้ง มันยังทำให้เวลา Search ข้อมูล จะมีชื่อเซเล็บทั้งหลายติดมาตลอด
วิธีแก้คือการทวีตให้มันยาวๆ เต็มแม๊ก เอาแบบที่เมิงเอาไปย่อไม่ได้แน่นอน แล้วก็หัวเราะในใจ วะ ฮะ ฮ่า (โรคจิต -_-“) ซึ่งก็ได้ผลดีเหมือนกันในแง่ที่ว่า บางทีแม้แต่เซเล็บที่ร้อยวันพันปีไม่เคย Official RT ก็กดตามกะเค้าบ้าง
ตัวอย่างมุขเต็มแม๊ก
  • (1) ถึงบอร์ดบริหารแอปเปิลและชุมชนชาวแอปเปิล, ผมเคยพูดไว้เสมอว่าเมื่อถึงวันที่ผมไม่สามารถทำหน้าที่ซีอีโอของแอปเปิลได้ตามที่ตัวเองคาดหวังแล้ว [ 16 RT ]
  • ลาออกแล้วว่าง ว่าจะไปเรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกประการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา แรลลี่ ตีกอล์ฟ ทัวธรรมมะ .. เเล้วก็เรียนร้องเพลง [ 300+ RT ]
  • เฟบาเระ เฟบาเระ เฟสบุ๊คของมาคซัก ซักไปซักมา ซักซักซัก ซักเคอเบิกมาซัก ซักจนกลมกล่อม ซักซักซัก วู้วว ฮาราคีรี ฮาราคีรี มาคซัก มาคซัก อรู๊ว [ 150+ RT มุขนี้ไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่อยากลองทวีตมั่วซั่ว ไม่มีความหมาย แต่อ่านแล้วมันฮาดี]
  • ฝ่ายกฏหมายอธิบายว่าเพราะ Apple ฟ้อง HP, HP ฟ้อง Oracle, Oracle ฟ้อง Google, Google ฟ้อง Microsoft, Microsoft ฟ้อง HTC, HTC เลยฟ้อง Apple #งง [ 99 RT ]
Your Opinions are wide-spread and highly trusted … ตรงไหน (ฮา)
And One More Things …
นอกจากทวิตเตอร์แล้ว สต๊อปจีฟ ก็ยังมีตัวตนใน Social Network อื่นๆ ด้วยนะครับ ดังรูป
Facebook แต่ไม่ค่อยได้ไปทำอะไร เพราะขี้เกียจครับ -_-“
Google+ อันนี้ไปเล่นบ่อยๆ ครับ
สรุป, อนาคต และสิ่งที่ได้จาก @SteveJobsThai
อย่างไรก็ดี เนื่องจาก @SteveJobsThai เป็นเหมือนตัวแทนบุคคล นั่นก็คือตัวสตีฟ จ๊อบส์เอง เพราะฉะนั้นในวันที่เจ้าตัวไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องทำ @SteveJobsThai ต่อ
เพราะฉะนั้น ผมจึงขอประกาศเลิกทำ @StebeJobsThai ไว้ตรงนี้ และจะไม่มีการทวีตอะไรอีกต่อไปครับ โดยได้เปลี่ยน Avartar ของทุกแอคเคาน์เป็นสีขาวดำ เพื่อเป็นการบอกว่าไม่มีการอัพเดตใดๆ อีกแล้วครับ
แต่หากใครจะนำไอเดียและประสบการณ์ตรงนี้ไปใช้ก็ทำต่อได้เลยครับ แต่ผมคิดว่าคงไม่แล้ว (และ @TimCookThai ไม่ใช่ผมครับ ถ้าอ่านจากวิธีทวีตก็จะรู้)
ผมไม่รู้ว่าสรุปแล้ว @SteveJobsThai ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน รู้แต่เพียงว่า มันก็เป็นเพียงเรื่องสนุกๆ เรื่องนึงที่ผมใช้คลายเครียดยามว่าง และก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ตลอด 1 ปี 3 เดือนที่ผ่านมา
ผมเคยตั้งเป้าไว้ว่าถ้ามีคน Follow ซัก 500 ก็ดีใจแล้ว มีคน RT ซัก 10 ครั้งก็ดีใจมากแล้ว เพราะงั้นที่ทำมาได้ถึงวันนี้ โดยส่วนตัวก็ต้องบอกว่าเกินที่ตัวเองคาดไว้เยอะมากๆ เลยครับ
บางทีการที่เรามีใครซักคนนึงเป็น “แรงบันดาลใจ” ก็ทำให้เรามีแรงที่จะลุกขึ้นมาทำเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อนได้ 
Stay hungry Stay foolish ครับ 🙂
@SteveJobsThai
First Tweet : 2 Jul 2010
Tweet : 587
Following : 2,038
Follower : 3,566
Update: ด้วยเหตุผลบางประการ ผมจึงตัดสินใจกลับมาทำ @SteveJobsThai ใหม่ สามารถอ่านเหตุผลนั้นได้ที่ -> เมื่อสตีฟ จ็อบส์เข้าฝัน
Related Link: