แอปเปิลรายงานผลกระกอบการ Q3 ปี 2011 แล้ว สำหรับเรื่องตัวเลขว่าอะไรเท่าไหร่ หาอ่านได้จากเว็บทั่วไป (Blognone, Macrumors) แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า และมันน่าสนใจจนอยากเขียนเก็บไว้ มีอยู่ 2-3 ประเด็น
1. แอปเปิล(แมร่ง)โคตรรวย
จริงๆ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าแอปเปิลมันรวยมาก แต่คำถามคือรวยแค่ไหน ?
จากกราฟราคาหุ้นของแอปเปิลในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามันขึ้นมาตั้งแต่ระดับ 70-80 มาจนถึงตอนนี้ 376.85 เข้าไปแล้ว เพิ่มขึ้น 5 เท่าในรอบ 5 ปี
จากตัวเลขนี้ ทำให้แอปเปิลมี Market Cap อยู่ที่ 3.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ($347 Billion) ตัวเลขนี้อาจจะไม่มีความหมายนักถ้าไม่ใส่คำว่า “แอปเปิลกำลังจะเป็นบริษัทที่รวยที่สุดในโลก”
บริษัทที่มี Market Cap สูงสุดของโลกตอนนี้คือ Exxon เป็นแชมป์ยืนยาวมานาน มี Market Cap อยู่ที่ 4.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ($410 Billion) ถ้าแอปเปิลยังรักษาความเร็วได้ขนาดนี้ (ซึ่งหลายคนวิจารณ์ไว้ว่าแอปเปิลไม่มีทางโตไปมากกว่านี้ตอนขาย iPhone 3G) อีกไม่นานเราอาจจะได้แชมป์บริษัทที่รวยที่สุดในโลกบริษัทใหม่
ขายอุปกรณ์ไอทีรวยกว่าขายน้ำมัน ??
รูปจาก Macrumors |
2. iPad ขายดีกว่า Mac แล้ว
ผมยังจำวันแรกที่แอปเปิลเปิดตัว “The Magical Device” หรือ iPad รุ่นแรกได้ดี แทบจะทุกคนที่ผมรู้จักไล่โห่ด้วยความเซ็งแล้วก็บ่นว่า มันก็แค่ “iPhone ยักษ์ที่โทรศัพท์ไม่ได้”
หลังจากนั้นทุกคนก็ปิดจอ ไม่สนใจ เพราะมันไม่ได้มีอะไรใหม่ไปกว่าสิ่งที่เรารู้จักคุ้นเคย จอทัชสกรีน มีปุ่มเพิ่มลดเสียง กล้องก็ไม่มี (ตอนนี้มีแล้ว) ทุกคนกลับมาตื่นเต้นกับ Macbook แทนว่าจะใช้ชิป Intel รุ่นไหน แรมจะกี่กิ๊ก HDD จะเท่าไหร่
ผ่านไป 1 ปี โอเค มันขายดี(มาก) แล้วก็น่าใช้เพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อออก iPad 2 ท่ามกลางกระแส Tablet ที่มี Android, มีช่องเสียบ USB, มีกล้อง, มีแรมขนาดเป็นกิ๊ก แต่ก็อย่างที่เห็นว่าจนทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก็ยังอยากซื้อ iPad มากกว่า
สิ่งที่น่าสนใจคือแอปเปิลโยน iPad 1 ทิ้งแล้วออกแบบใหม่เกือบหมด ภายในเวลาแค่ 10 เดือน แต่กับ Macbook Pro ที่ใช้แบบเดิมมา 3 ปีแล้ว, iMac ที่ดีไซด์เดิมมา 5 ปีแล้ว จริงๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะ Tablet ยังมีช่องว่างให้พัฒนาต่อได้อีกเยอะมาก ถ้าเทียบกับ PC ตั้งโต๊ะหรือแล็ปท็อปวางตัก
มีประโยคนึงที่ Tim Cook พูดไว้เรื่องที่ iPad ขายดีกว่า Mac
We would have never predicted this. It’s clear that some customers chose to purchase an iPad instead of a new Mac
โลกของ Tablet กำลังหมุนไปเร็วมาก ใครตามไม่ทันโปรดระวัง
3. แอปเปิลกำลังจะเข้าสู่ Major Transition รอบที่ 4
ประโยคนึงที่หลุดออกมาในรายงานผลประกอบการครั้งนี้ ที่เล่นเอานักข่าวตะลึง
Katy Huberty from Morgan Stanley asks — why is your guidance for the September quarter so conservative? Oppenheimer drops a bomb, pointing to a ‘future product transition that we’re not going to talk about today that will impact our coming quarter.’ Interesting. Did I hear that right?
ก่อนอื่นขอย้อนความหน่อยว่าในประวัติศาสตร์แอปเปิลเคยทำ Major Transition ไปแล้ว 3 รอบ (ตามประโยคของจ๊อปส์)
- เปลี่ยนชิปจาก Motorola 68k มาใช้ Power PC (1994 – 1996)
- OS 9 มาเป็น OS X (2001 – 2003)
- เปลี่ยนชิปจาก Power PC ไปใช้ Intel (2005 – 2007)
โลกของเทคโนโลยีเปลี่ยนไปเร็วมาก เราคงไม่มีทางใช้เทคโนโลยีเดิมไปได้เกิน 5 ปี ถามว่าหลังจากแอปเปิลไปใช้ชิป Intel แล้วทำให้เกิดอะไรบ้าง ?
ถ้าตามคำบอกของจ๊อปคือเค้าต้องการชิปที่ประหยัดพลังงาน (Power per Watt) ที่สูงกว่าเดิม คำตอบก็ไปอยู่ที่ Macbook และ Macbook Air ที่เราก็เห็นกันอยู่ว่ากินไฟน้อย แบตฯอยู่ได้นาน ขนาดเล็กลงมาก ในขณะที่ความเร็วไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญแล้วในตอนนี้
แต่ถ้ามองในมุมปัจจุบัน ที่ตลาด iPhone + iPad ทำเงินให้บริษัทไปเกือบ 70% แล้ว การเอาเงินไปลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็น Mobile Device ก็น่าจะถูกต้องกว่า ซึ่งจริงๆ เราก็เิริ่มเห็นกันไปแล้วว่าบริษัทขี้งกอย่างแอปเปิลลงทุนมหาศาลทำ Data Center ของ iCloud ทั้แล้วเปิดให้ใช้บริการฟรี
สิ่งที่เห็นอีกอย่างคือการขยันเปิดตัว Apple Store โดยเฉพาะภายในกันยายนนี้จะเปิดให้ครบ 363 สาขาทั่วโลก (จากปัจจุบัน 330 สาขา) ซึ่งถ้านับดูแล้วจากวันนี้แอปเปิลจะเปิด Store ของตัวเองใหม่ทุก 50 ชั่วโมง !!
Transition ที่ 4 จะเป็นยังไง ?
มันคือ OS X + iOS, iPhone 5, iPad HD ?? หรือว่า iCloud นี่แหล่ะที่เป็น Transition ??
รอดูกันต่อไปครับท่านผู้ชม ..