เคยไปเขียนไว้ใน Pantip เมื่อ 4 ปีก่อน พอดีช่วงนั้นจี๊ดกับหนังเรื่องนี้มาก (ไปดู 2 รอบ) กลัวกระทู้จะหายลาโลกเลยเอามาเก็บไว้ในบล็อคส่วนตัว
Note: ช่วงนี้กำลังอินกับเรื่อง Season Changes โดยไม่สามารถบอกสาเหตุได้ หุๆ
คำเตือน: ยาวมาก
————————————————————————————–
[Spoil]
[ นอกหนัง ]
- ชื่อเรื่อง Seasons Change จะต้องมีตัว “s” ที่หลังคำว่า Season เสมอ (หลายคนเขียนผิด)
- ภาพยนต์เรื่องนี้มีการทำออกมาเป็น เวอร์ชันการ์ตูน จัดทำโดย Siam inter comic วาดโดยทีมงาน Cartoonthai studio ราคา 40 บาท … เนื้อหาในการ์ตูนจะนำมาจากส่วนหนึ่งของภาพยนต์ และยังมีหลายฉากที่ไม่ปรากฏอยู่ในภาพยนต์อีกด้วย
- สำหรับใน เวอร์ชัน pocket book นั้น จัดทำโดยสำนักพิมพ์ a book ราคา 165 บาท … เนื้อหาจะเขียนถึงผู้ชาย 3 คน นั่นคือ ต้นผู้กำกับ บอลนักแสดงนำชาย และอ.สุกรีผู้ก่อตั้งโรงเรียน โดยเรียบเรียงมาในลักษณะเรื่องราวชีวิตของทั้ง 3 คน สลับไปมาในแต่ละบท (เนื้อหาน่าติดตามมากๆ)
- ใน Version การ์ตูนนั้นใช้ชื่อเดียวกับในภาพยนต์คือ “Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย”
- แต่ใน Version pocket book ใช้ชื่อว่า “Seasons Change จากร้อนสู่ฝนจนถึงหนาว”
- Teaser ของหนังตัวแรกที่ออกมา จะมีการเปิดบางส่วนของหนัง แฟนฉัน และ เพื่อนสนิทก่อน โดยมีคำ capture ดังนี้ … “2546 … แฟนฉัน … 2548 … เพื่อนสนิท … ปีนี้ … คุณจะเลือกอะไร … รักครั้งแรก … หรือเพื่อนสนิท … แต่บางทีก็เลือกไม่ได้ เพราะ … เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย … Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย”
- วันเปิดตัว แฟนฉัน คือ วันที่ 3 ตุลาคม 2546 , เพื่อนสนิท 6 ตุลาคม 2548 , Seasons change 31 สิงหาคม 2549 (ช่วงปลายปีทั้งสิ้น)
- หนังเรื่องต่อไปของ GTH ที่กำลังจะเข้าฉายคือเรื่อง “เก๋า” (The Possible) จะเข้าฉายวันที่ 5 ตุลาคม กำกับโดย บอล – วิทยา ทองอยู่ยง … 1 ในผู้กำกับแฟนฉันเช่นเคย
- Poster ของหนังมีอยู่ 4 แบบด้วยกัน
- 1. แบบรวม ป้อมทำท่าตีกลอง โดยมีดาวและอ้อมทำท่าเล่นดนตรีอยู่ข้างๆ – เพราะอากาศมันชอบแปรปรวน หัวใจก็เลยชอบปรวนแปร
- 2. แบบฤดูร้อน มีอ้อมเป็นตัวหลัก – เพราะเป็นฤดูร้อน หัวใจจึงคึกคักพองโต
- 3. แบบฤดูฝน มีบอลเป็นตัวหลัก – เพราะเป็นฤดูฝน หัวใจจึงชุ่มชื่นฉ่ำใจ
- 4. แบบฤดูหนาว มีดาวเป็นตัวหลัก – เพราะเป็นฤดูหนาว หัวใจจึงโหยหาไออุ่น
- กรุง บูดาเปส (Budapest ) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศ มีประชากร 1.7 ล้านคน … เมืองนี้มีสถาบันสอนดนตรีมากกว่า 3 วิทยาลัย … และไม่ได้อยู่ประเทศเยอรมัน
- บอล ที่แสดงเป็นป้อม เป็นคนเดียวในนักแสดงนำทั้ง 5 คน ที่เล่นดนตรี … ไม่เป็น
- บอลได้รับการฝึกซ้อมโดยพี่ต่อ ซิลลี่ ฟูลส์ … โดยบอลจะต้องฝึกซ้อมตีกลองให้ได้อย่างเทพ กับเพลงที่จะปรากฏในหนัง 6 เพลง ภายในเวลา 3 เดือน !!
- ฉากโพลกาแดนซ์ เป็นอีกฉากหนึ่งที่ถูกตัดออกไป โดยฉากนี้จะเล่าถึงการฝึกซ้อมเต้นโพลกาแดนซ์ (การเต้นที่นักเต้นทั้งกลุ่มจะเกี่ยวแขนสลับกันไปมา) เด็กชาย-หญิงกว่า 70 คนควงแขนกันเต้นสลับไปมาอย่างสนุกสนาน … แต่ต้องถูกตัดออกไปเพราะปัญหาเรื่องของเวลาในการถ่ายทำวันแรก และในวันถ่ายซ่อม บอลตัวเอกของเรื่องมีอาการตาบวมจากเชื้อโรค … พี่ต้นผู้กำกับพยายามตัดต่อและใช้เทคนิคแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนได้ทั้ง หมด จึงต้องตัดฉากนี้ออกไป (คาดว่าจะเป็นฉากที่หลายคนจะรอดูใน version DVD)
- หลังจากเริ่มถ่ายไปได้ประมาณ 7-8 คิว กองถ่ายก็มีอันต้องโดน “เบรกกอง” คือหยุดการถ่ายทำทั้งหมดเป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์ เนื่องมาจากการถ่ายทำที่ล่าช้า และคิวเกินมาตลอด อาจจะส่งผลให้งานออกมาล่าช้า และเกินงบประมาณได้ (เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นักแสดงจะต้องอ่านหนังสือสอบพอดี จึงถือเป็นช่วงดีที่จะหยุดการถ่ายทำไว้ก่อน) … พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) จึงเข้ามาช่วยในการแก้บทใหม่ และตัดบางซีนออกเพื่อความกระชับขึ้น
[ ชื่อในหนัง ]
- ตัวละครแต่ละตัวมีชื่อดังนี้
- ป้อม ชาตรี ธราธร
- อ้อม ศรัญญา วิวัฒนานนท์พงษ์
- ดาว ดุจดาว อาระยานิมิตสกุล
- พ่อป้อม ยงยุทธ ธราธร
- พ่ออ้อม ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์
- อาจารย์ญี่ปุ่น จิทาโร่ ยาโน่
- ชื่อน้องแว่น มาโนช ชัยนุวัฒ
- ชื่อเล่นของป้อม มาจากชื่อนักร้องขวัญใจของพี่ต้นผู้กำกับ คือ พี่ป้อม อัสนี โชติกุล (และได้มาเป็นนักแสดงรับเชิญในฉากท้ายเรื่องอีกด้วย)
- นามสกุลของป้อม “ธราธร” เป็นนามสกุลจริงๆของผู้กำกับ พี่ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร
- นามสกุลของดาว “อาระยานิมิตสกุล” เป็นนามสกุลจริงๆของนาถ ที่แสดงเป็นดาวนั่นเอง (ยุวนาถ อาระยานิมิตสกุล)
- นามสกุลของอ้อม “วิวัฒนานนท์พงษ์” , ชื่อจริงของพ่อป้อม “ยงยุทธ” , ชื่อจริงของพ่ออ้อม “ประเสริฐ ” เป็นชื่อและนามสกุลของทีมอำนวยการสร้าง
- ชื่อน้องแว่นในเรื่องคือ มาโนช เป็นชื่อเดียวกับน้องแว่น มาโนช ในแฟนฉัน
- ชื่อของป้อม “ชาตรี” เป็นชื่อเดียวกับชื่อของน้องแนค ในแฟนฉัน
[ บางส่วนในหนัง ]
- ป้อม , อ้อม และดาว เป็นนักเรียนเข้าใหม่ในปีการศึกษา 2548
- ดาวเป็นคนที่สอบเข้ามาด้วยคะแนนสอบภาคปฏิบัติสูงที่สุด ส่วนอ้อมได้คะแนนภาคทฤษฏีสูงที่สุด [ จากฉบบับการ์ตูน ]
- ป้อมตีกลองยี่ฮ้อ Pearl ในการสอบสัมภาษณ์เข้าเรียน
- จังหวะที่ป้อมตีนั้น มี 3 จังหวะด้วยกันคือ
- single stoke roll – เป็นการตีสลับข้าง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา คล้ายกับท่อน intro ของเพลง จิ๊จ๊ะ
- unison and flam combination – เป็นการตี 2 มือพร้อมกัน สลับกับ 2 มือเหลื่อมกันนิดหน่อย คล้ายกับเพลง ยิ่งโตยิ่งสวย
- double pedal sixteenth note fill in – เป็นการตีกลองไปพร้อมกับใช้กระเดื่อง 2 ตัวที่ขา คล้ายกับเพลง สายล่อฟ้า
- นักแสดงตัวประกอบที่แสดงเป็นเพื่อนในห้อง และนักดนตรีในวง เป็นนักเรียนจริงๆของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์
- เพลง Classic ที่วงใช้ซ้อมกันคือเพลงชุด The Four Seasons ของ Vivaldi ซึ่งประกอบไปด้วยเพลง 4 เพลงไล่ตามฤดู คือ spring , summer , autumn , winter ซึ่งในภาพยนต์มีการเล่นทั้ง 4 ฤดู แต่ไม่ครบทุกท่อน
- มุขชื่อวงดนตรีของเมืองไทยทั้ง 3 วง ฉัตรพูดชื่อวงขึ้นมาว่า “Sillyfool , Loso , Ab normal” แล้วเฉดก็พูดว่า ที่พูดมานี่แปลว่า “โง่ / จน / บ้า”
- อ้อมและดาวเป็นคนที่สอบได้คะแนนทอปของห้องมาโดยตลอด แต่ป้อมกลับได้คะแนนแย่มาก ( 8 / 40 ) [ จากฉบับการ์ตูน ]
- ปากกาที่อ้อมให้ป้อมเป็น hightlight สีชมพู … ต่อมาป้อมให้กับดาว
- เครื่องเพลงที่ป้อมและอ้อมฟังด้วยกันคือ ipod ของ apple (หูฟังสีขาวตัดเทา)
- คนที่โทรมาปลุกป้อมให้ตื่นแต่เช้ามาซ้อมตีกลอง คือดาว
- Concert ปลายปีที่หอประชุมโรงเรียน มีชื่อว่า The Night of Seasons Change … มีการใช้ชื่อนี้ในโปสเตอร์ที่มีรูปสมาชิกทุกคนในวง แปะข้างผนังโรงเรียน ในฉากที่อ้อมเดินผ่าน
- กลุ่มนักแสดงสาว 4 คน ที่ทำหน้าที่รับลงทะเบียนหน้างาน concert เป็นกลุ่มเดียวกับที่แสดงเป็นคนต้อนรับแขกที่หน้างานแต่งงานของ น้อยหน่า ในแฟนฉัน
- ก่อน concert จะเริ่ม ดาวพูดประโยคปริศนาคลาสสิคกับป้อมไว้ว่า “ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก …” มีการตีความกันไปต่างๆนาๆ แต่ที่เห็นด้วยกันเกือบ 100 % คือดาวรู้เรื่องป้อมไม่กินผักมาจากอ้อม
- เพลงที่บรรเลงในงาน concert มี The Four Seasons – Vivaldi , Weather Dance – ของอาจารย์บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธุ์ และปิดท้ายด้วยเพลง Seasons Change v.Orchresta
- ฉากที่เฉด และฉัตร มานั่งรอพี่ป้อม อัสนี เรียกตัวเข้าไปคุยเรื่องเพลงนั้น .. ฉากนี้ถ่ายทำโดยไม่มีการบอกนักแสดงทั้ง 2 ว่า คนที่มาเรียกพวกเขาเข้าไปนั้น จะเป็นพี่ป้อม อัสนีตัวจริงๆ .. โดยพี่ต้นเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และเป็นเพียงไม่กี่ซีนที่สามารถถ่ายเทคเดียว ผ่าน !!
[ ประโยคเด็ดจากหนัง ]
ป้อม :
– “แน่ใจแล้วนะว่าอยากเป็นนักดนตรี” … “แน่ใจครับ”
– “ประเสริฐ …. ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์ !!”
– “แอสโฮลี่” … “แอสโฮลเว้ย !! “
– “อาอัดอีอั๊บ .. อุนอาวอึ๊เอ่าอั๊บ” [ดัดเสียงพูด]
– “ลืมเอาร่มมาอีกแล้วเหรอ”
– “สวัสดีปีใหม่ครับพ่อ”
– “บูดาเป๊สสสสสสสสสสสสสสส !!”
อ้อม :
– “ประเสริฐ …. ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์ !!” … “ถามหา พ่อ …งง … เราเหรอ”
– “อ้อม .. อ้อมสุนิสาเหรอ” …” พิยดา “
– #$ … “ซีชาร์ปค่ะ” .. #!! .. “จี ค่ะ”
– “ก็อย่าคิดว่ามานั่งรอสิ .. แค่ได้นั่งฟังเฉยๆ ก็รู้สึกดีแล้ว”
– “มีมีมีโด … เรเรเรที”
– “เอานี่ไปใช้ไป” (แล้วก็ยื่นปากกาให้)
– “อยากไป(ฮังการี) จริงๆเหรอ … “
– “นึกว่ารักดนตรี .. ที่แท้ ก็ตามผู้หญิงมา”
ดาว :
– “ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก …”
– “เธอมาจากโรงเรียนอะไรเหรอ?”
– “โรงเรียนเดียวกับเราเลย แต่ทำไมเราไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ?”
– “สงสัยมีคนคิดถึงมั้ง “
– “ป้อม … ตื่นมาซ้อมได้แล้ว”
– “แค่นี้ก็ได้ A แล้ว” … “แต่เราอยากได้ A คนที่ 1 น่ะ”
ฉัตร :
– “วงอะไรวะ โง่ .. จน .. บ้า”
– “อยู่ประเทศเยอรมันโว้ย มรึงนี่ไม่รู้อะไรเลย”
– “โจ๊กว่าร้อน เจอเธอ ร้อนยิ่งกว่า … โป๊ก !! ” (โดนหนังสือ Lonely Planet ฉบับประเทศเยอรมันเขวี้ยงหัว)
– โป๊ก !! … ” นี่เพื่อนนะ…. หารค่าห้องด้วยเว้ย “
เฉด :
– “ชอบเหรอ … ถ้ามรึงชอบก็ลุยเลยดิวะ … เล่นของสูงเลยนะมรึง”
– “พอกูชนปุ๊บ มรึงก็เข้าไปเคลมประกันเลย”
– “มรึงนั่นหล่ะแกะ ” … ” อ่ะกรูแกะแล้ว”
– “เพื่อนกัน ค่าห้องไม่ต้อง ส่วนค่าน้ำค่าไฟ หารสาม “
อาจารย์ใหญ่ :
– “ที่นี้ไม่ได้สอนให้คนออกไปหางาน แต่สอนให้ออกไปสร้างงาน”
– “ดนตรี เป็นอาชีพที่มีเกียรติ เชื่อถือได้”
พ่ออ้อม :
– “อาชีพอะไรก็เสี่ยงทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยทุกร้านนะที่จะขายดี”
– “เราอยู่กับลูกได้อีกไม่นาน แต่ลูกเราจะอยู่กับสิ่งที่เค้าชอบไปตลอดชีวิต”
พ่อป้อม :
– “ป้อม … ทำไมไม่บอกให้พ่อใส่เสื้อสีชมพู !!”
– “ถ้าไม่ชอบจะขายมาสิบกว่าปีได้ไงล่ะ”
– “ป้อม … โค้กมั้ย … จะกินที่นี่หรือจะกลับไปกินบ้าน”
แม่ป้อม :
– “เอานมไป 2 กล่องนะเอาไว้กินเวลาหิวตอนซ้อม”
– “อะไรที่ควรห้ามก็ไม่ห้าม อะไรที่ควรปล่อยก็ไม่ปล่อย เห็นมั้ย เด็กมันไม่กินผัก ก็ปล่อยให้มันไม่กินจนโต”
อาจารย์จิทาโร่ :
– “กินเลยป้อมซัง … ชาบู ชาบู”
– “ก็ชอบนี่ ต้องมีอะไรมากกว่านั้นอีกเหรอ”
– “Love me love my dog”